หน้ามันแก้ยังไง? เป็นคำถามยอดฮิตที่หลายคนกำลังมองหาคำตอบ เพราะปัญหา “ผิวหน้ามัน” เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยและส่งผลกระทบต่อความมั่นใจ อีกทั้งยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิว โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ทำให้ต่อมไขมันทำงานมากเกินไป ส่งผลให้ใบหน้ามีความมันมากกว่าปกติ บทความนี้ หมอแนทจะพาไปดูว่ามีสาเหตุอะไรบ้างที่ทำให้หน้ามัน และวิธีดูแลไม่ให้หน้าเกิดสิวค่ะ
หน้ามัน คืออะไร
หน้ามัน (Oily skin) คือภาวะที่ผิวหน้ามีการผลิตน้ำมัน หรือ sebum จากต่อมไขมัน (Sebaceous glands) มากเกินความจำเป็น ทำให้ใบหน้ามีความมันเยิ้มมากกว่าปกติ โดยเฉพาะในบริเวณ T-zone ซึ่งได้แก่ หน้าผาก จมูก และคาง ผู้ที่มีปัญหาผิวหน้ามันมักจะพบว่าแม้เพิ่งล้างหน้าเสร็จ ผิวก็จะกลับมามันได้อีกภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
หน้ามัน เกิดจากอะไร
หน้ามันเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งปัจจัยภายในและภายนอกร่างกาย ดังนี้
- พันธุกรรม : หากคนในครอบครัวมีปัญหาผิวหน้ามัน ก็มีโอกาสสูงที่จะได้รับการถ่ายทอดลักษณะนี้
- ฮอร์โมน : ฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) ที่มีผลกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมัน
- ความเครียด : ความเครียดทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล ส่งผลให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น
- สภาพอากาศ : อากาศร้อนและชื้นทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น
- พฤติกรรมการรับประทาน : การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง อาหารทอด หรือของหวานมากเกินไป
- การดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม : เช่น การล้างหน้าบ่อยเกินไป หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว
หน้ามัน ส่งผลอะไรบ้าง
ผิวหน้ามันส่งผลกระทบต่อสภาพผิวและความมั่นใจหลายประการ
- สิวอักเสบ : ความมันที่มากเกินไปเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย ทำให้เกิดการอักเสบและกลายเป็นสิว
- สิวขึ้นหน้าผาก : พบได้บ่อยในบริเวณ T-zone โดยเฉพาะหน้าผากที่มีต่อมไขมันมาก
- รูขุมขนกว้าง : ความมันที่มากเกินไปทำให้รูขุมขนขยายตัว
- ผิวหน้าดูหมองคล้ำ : ความมันทำให้ฝุ่นละอองเกาะติดง่าย
- เครื่องสำอางเลอะเลือน : แต่งหน้าไม่ติดทน ต้องคอยเติมแป้งบ่อย
วิธีดูแลหน้ามัน หน้ามันแก้ยังไง
หน้ามันแก้ยังไง? การแก้ปัญหาหน้ามันต้องทำอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากการปรับพฤติกรรมการดูแลผิวพื้นฐาน หรือถ้าหากต้องการผลลัพธ์ที่เร็วขึ้น อาจจะต้องพิจารณารักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ด้วยค่ะ
1. ล้างหน้าให้สะอาด
การล้างหน้าให้สะอาดและถูกวิธี เป็นพื้นฐานสำคัญในการช่วยลดความมันบนใบหน้า ควรล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น ด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน ไม่ควรล้างหน้าบ่อยเกินไปเพราะจะยิ่งกระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันมากขึ้น ในการล้างหน้า ควรใช้น้ำอุณหภูมิปกติ ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป และใช้โฟมล้างหน้าที่มีส่วนผสมของสารควบคุมความมัน เช่น Salicylic acid เป็นต้น นอกจากนี้ ระหว่างวันถ้ารู้สึกว่าหน้ามันมาก แนะนำให้ใช้กระดาษซับมันแทนการล้างหน้า โดยซับเบา ๆ ไม่ถูแรง เพื่อป้องกันการระคายเคืองผิวที่อาจเกิดขึ้นได้
2. ดื่มน้ำให้มาก
นอกจากจะรักษาความสะอาดแล้ว การดูแลร่างกายจากภายในก็สำคัญ เช่น การดื่มน้ำ ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพราะการดื่มน้ำไม่เพียงแต่ช่วยให้ผิวสมดุลเท่านั้น แต่ยังช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายอีกด้วย ทำให้ผิวสะอาดจากภายใน เมื่อผิวได้รับน้ำอย่างเพียงพอ จะช่วยลดการกระตุ้นการผลิตน้ำมันที่มากเกินไป ควรดื่มน้ำเปล่าสะอาดเป็นหลัก และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือน้ำตาลสูง เพราะอาจกระตุ้นการผลิตน้ำมันบนใบหน้าเพิ่มขึ้นได้
3. เลือกใช้ครีมบำรุงผิวให้เหมาะกับสภาพผิว
สำหรับผิวมัน การเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญมาก ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ และเป็นสูตร oil-free หรือ non-comedogenic ที่ไม่อุดตันรูขุมขน ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันเป็นหลัก ส่วนผสมที่เหมาะกับผิวมันได้แก่ Niacinamide ที่ช่วยควบคุมความมัน, Hyaluronic acid ที่ให้ความชุ่มชื้นโดยไม่ก่อให้เกิดความมัน และ AHA/BHA ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวและควบคุมความมัน สำหรับครีมกันแดด ควรเลือกสูตร water-based หรือเนื้อเจลที่ไม่ก่อให้เกิดความมันเพิ่ม
4. ใช้ยาเพื่อแก้ปัญหาหน้ามัน
วิธีรักษาสิวที่เกิดจากหน้ามันอาจจำเป็นต้องใช้ยาเฉพาะทาง โดยเฉพาะในกรณีที่มีสิวร่วมด้วย ยาที่นิยมใช้ได้แก่ ยากลุ่ม Retinoids ที่ช่วยควบคุมการผลิตน้ำมัน ลดการอุดตัน และต้านการอักเสบ นอกจากนี้ยังมียาทาที่มีส่วนผสมของ Benzoyl peroxide หรือ Salicylic acid ที่ช่วยควบคุมแบคทีเรียและลดความมัน ในกรณีที่มีสิวรุนแรง แพทย์อาจพิจารณาให้ยารับประทานเพื่อควบคุมการทำงานของต่อมไขมัน อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาเหล่านี้เพื่อป้องกันผลข้างเคียงและได้รับการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
5. ฉีดโบท็อก
การฉีดโบท็อกเพื่อควบคุมความมันเป็นวิธีที่ได้ผลดีและเห็นผลเร็ว โดยโบท็อกจะช่วยยับยั้งการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้ผิวหน้ามันน้อยลง รูขุมขนกระชับขึ้น การฉีดโบท็อกรูขุมขนหรือที่เรียกว่าโบท็อกหน้าใส จะใช้โบท็อกปริมาณเล็กน้อยฉีดเข้าสู่ผิวหนังโดยตรง ทำให้ต่อมไขมันหดตัวและผลิตน้ำมันน้อยลง ผลการรักษาจะเห็นได้ภายใน 1 สัปดาห์และอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน นอกจากลดความมันแล้ว ยังช่วยลดการหลั่งเหงื่อ ทำให้ใบหน้าดูสดใส เรียบเนียนขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษา
สรุปบทความ
ปัญหาหน้ามันเป็นปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการดูแลที่ถูกวิธีและการรักษาที่เหมาะสม ที่คลินิกรักษาสิว Dr. NAT Clinic เรามีโปรแกรมการรักษาที่ครอบคลุมทุกปัญหาผิว โดยเฉพาะการรักษาสิวที่เกิดจากผิวหน้ามัน
ทางคลินิกมีโปรแกรมเด่นคือ Acne Resolve และ Acne Resize ที่ใช้เทคโนโลยีคลื่นพลังงานเข้าไปจัดการกับต่อมไขมันโดยตรง ช่วยลดการผลิตน้ำมันส่วนเกิน ลดการรับประทานยา และป้องกันการเกิดสิวซ้ำ นอกจากนี้ ยังมีบริการ Acne Lab ที่ช่วยวิเคราะห์สาเหตุของสิวด้วยการส่องกล้องจุลทรรศน์ และ Fit Test เพื่อตรวจหาสารก่อภูมิแพ้ที่อาจเป็นสาเหตุของปัญหาผิวด้วย
สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้ามันและสิว สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ Dr. NAT Clinic เพื่อรับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล เพราะการรักษาที่ถูกต้องต้องเริ่มจากการรู้สาเหตุที่แท้จริงของปัญหาก่อนค่ะ ใครที่ต้องการปรึกษาหมอแนท สามารถปรึกษาเราได้ที่ Line : @doctornat หรือโทร. 097-9749944
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
รักษาปัญหาสิวเสี้ยนอย่างไรดี
สิวเสี้ยนเกิดจากอะไร? บทความนี้จะมาเผยสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวเสี้ยน พร้อมวิธีรักษาและป้องกันสิวเสี้ยนกลับมาอีกครั้ง หากอยากมีผิวสวยใส ห้ามพลาด!
ริ้วรอยบนใบหน้า แก้ไขได้ไม่ยาก
ริ้วรอยบนใบหน้าเกิดจากอะไร? แก้ไขยังไงดี? เผยสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอย พร้อมวิธีดูแลผิวอย่างถูกต้อง เพื่อการป้องกันและลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ อ่านต่อเลย!
ไขข้อสงสัย Hifu ต้องทำบ่อยแค่ไหน
HIFU ทำได้บ่อยแค่ไหน? อยากหน้าเด็กไว ๆ ต้องทำกี่ครั้ง? เผยเคล็ดลับการทำ HIFU ให้เห็นผลเร็วที่สุด ช่วยให้คุณดูอ่อนเยาว์ได้อย่างปลอดภัย อ่านเลย!