ไขข้อสงสัย เป็นสิวสเตียรอยด์ สิวติดสาร ทำยังไงดี?

ปัญหาผิวที่หลายคนกำลังกังวลคือการเกิดสิวแพ้ครีมหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือครีมรักษาสิว โดยไม่รู้ว่าอาการที่เกิดขึ้นนั้นอาจเป็น “สิวสเตียรอยด์” หรือ “สิวติดสาร” ที่ต้องได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี เพราะหากปล่อยไว้อาจส่งผลให้ผิวเสียหายในระยะยาว บทความนี้ Dr. NAT Clinic จะพาทำความเข้าใจกับปัญหาผิวนี้ให้ชัดเจนขึ้นค่ะ

สิวสเตียรอยด์คืออะไร?

สิวสเตียรอยด์เป็นภาวะผิวผิดปกติที่เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์เป็นระยะเวลานานหรือใช้ในปริมาณมากเกินไป โดยอาจแสดงอาการได้หลายรูปแบบ ตั้งแต่สิวอุดตันธรรมดา ไปจนถึงสิวอักเสบรุนแรง ถ้าหยุดใช้ก็จะทำให้ผิวหน้าเกิดการระคายเคืองและอ่อนแอลง เรียกว่าหน้าติดสารสเตียรอยด์นั่นเอง

สิวสเตียรอยด์ คือโรคผิวหนังไม่ใช่สิว?

ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยคือหลายคนคิดว่าสิวสเตียรอยด์เป็นสิวชนิดหนึ่ง แต่แท้จริงแล้วเป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากการตอบสนองของร่างกายต่อสารสเตียรอยด์ ซึ่งจะมีลักษณะเป็นตุ่มแดง หรือตุ่มหนอง ผิวแห้งลอกเป็นขุย รู้สึกแสบร้อน ทำให้เกิดการอักเสบและมีลักษณะคล้ายสิว แต่กลไกการเกิดและการรักษาแตกต่างจากสิวทั่วไปอย่างสิ้นเชิง 

สิวสเตียรอยด์เกิดจากอะไร?

สาเหตุหลักของการเกิดสิวสเตียรอยด์มีดังนี้

• การใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์โดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์
• การใช้ยารักษาสิวที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์เกินระยะเวลาที่กำหนด
• การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐานซึ่งอาจมีการเติมสารสเตียรอยด์โดยไม่ระบุบนฉลาก
• สิวหัวหนองเกิดจากการที่ผิวอ่อนแอลงจากสเตียรอยด์ ทำให้เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ผิวหนังได้ง่าย

ลักษณะของสิวสเตียรอยด์เป็นแบบไหน?

สิวสเตียรอยด์มีลักษณะเฉพาะที่สังเกตได้ คือ ผิวหน้าจะมีอาการแดง บวม ผิวแห้ง ลอกเป็นขุย และอาจมีตุ่มหนองขึ้นกระจายทั่วบริเวณที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ บางรายอาจพบเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังขยายตัวชัดเจน 

วิธีรักษาสิวสเตียรอยด์

การรักษาสิวสเตียรอยด์จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง โดยมีแนวทางการรักษาดังนี้

หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ทันที

การหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์เป็นขั้นตอนแรกและสำคัญที่สุดในการรักษา แม้ว่าในช่วงแรกอาการอาจดูแย่ลง เช่น มีผื่นแดง คัน หรือระคายเคืองมากขึ้น แต่นี่เป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นตามปกติเมื่อผิวกำลังปรับตัวจากการหยุดใช้สเตียรอยด์ ต้องอดทนและไม่กลับไปใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์อีก เพราะจะทำให้อาการกลับมาเป็นซ้ำและรุนแรงขึ้นกว่าเดิม และควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป

ดูแลผิวหน้าให้สะอาด

การทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยนเป็นสิ่งสำคัญ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของสารระคายเคือง ปราศจากสบู่ น้ำหอม AHA/BHA และกรดวิตามินเอ และหลีกเลี่ยงการขัดถูผิวแรง ๆ เพื่อไม่ให้ผิวที่บอบบางอยู่แล้วระคายเคืองมากขึ้น

ยารักษาสิวสเตียรอยด์

แพทย์อาจพิจารณาให้ยารักษาตามความเหมาะสม เช่น ยาปฏิชีวนะเพื่อลดการอักเสบ หรือยาทาเฉพาะที่ที่ไม่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ สามารถใช้ยาทากลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ (retinoid) และยาฆ่าเชื้อได้ ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

ปรึกษาแพทย์เพื่อการรักษาที่ดีที่สุด

การรักษาสิวสเตียรอยด์ต้องได้รับการประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งอาจรวมถึงการรักษารอยสิวที่เกิดขึ้นด้วย การรักษาที่ถูกต้องจะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้กลับมาแข็งแรงได้

สิวสเตียรอยด์หายเองได้ไหม

ในกรณีที่อาการไม่รุนแรง การหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์อาจทำให้อาการดีขึ้นได้ แต่ต้องใช้เวลาและการดูแลอย่างถูกวิธี อย่างไรก็ตาม หากมีอาการรุนแรงควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

รักษาสิวสเตียรอยด์ที่ไหนดี

Dr. NAT Clinic เป็นคลินิกผิวหนังที่มีความเชี่ยวชาญในการรักษาสิวสเตียรอยด์โดยเฉพาะ ด้วยโปรแกรม ACCLEAR ที่ผสานเทคโนโลยีการรักษาสิว 2 รูปแบบเข้าด้วยกัน

1. การรักษาสิวที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า: ใช้พลังงานเลเซอร์ LONG PULSE DIODE 1450 เจาะลึกถึงต่อมไขมันใต้ผิว ช่วยลดขนาดของต่อมไขมันที่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ก่อให้เกิดสิว ป้องกันการเกิดสิวตั้งแต่ต้นตอ
2. การจัดการสิวอักเสบบนผิว: ใช้คลื่นวิทยุแบบขั้วเดียว (Monopolar RF) ผ่านหัวพิมพ์ขนาดเล็ก เจาะจงรักษาเฉพาะจุดที่มีปัญหา ทำให้ต่อมไขมันในจุดที่รักษาฝ่อตัวลง ช่วยให้สิวยุบและไม่กลับมาเป็นซ้ำ

ด้วยเทคโนโลยีทั้งสองที่ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ โปรแกรม ACCLEAR จึงสามารถรักษาสิวได้ครอบคลุมทั้งสิวที่มองเห็นและมองไม่เห็น ช่วยให้ผิวกลับมาสวยใส หากคุณกำลังประสบปัญหาสิวสเตียรอยด์หรือปัญหาสิวอื่น ๆ สามารถปรึกษาแพทย์ของเราได้ที่ Line : @doctornat หรือโทร. 097-9749944