ยาคุมลดสิวได้จริงไหม เลือกแบบไหนดี?

March, 5 2025

/ By Doctor NAT Clinic

สิวฮอร์โมนเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้กับผู้หญิงหลายคน โดยเฉพาะในช่วงวัยเจริญพันธุ์ที่ฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา หลายคนอาจเคยได้ยินว่า “ยาคุมลดสิว” เป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษา แต่จะปลอดภัยและเหมาะกับเราหรือไม่? วันนี้ Dr. NAT Clinic จะมาไขข้อสงสัยและแนะนำวิธีเลือกยาคุมที่เหมาะสมกับคุณ

ยาคุมลดสิว คืออะไร

ยาคุมลดสิวคือยาคุมกำเนิดที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมการทำงานของต่อมไขมัน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิว โดยทั่วไปจะประกอบด้วยฮอร์โมนสองชนิด คือ เอสโตรเจนและโปรเจสติน ที่ทำงานร่วมกันในการปรับสมดุลฮอร์โมนและลดการผลิตน้ำมันบนใบหน้า

สิวและฮอร์โมน มีความเกี่ยวเนื่องกันอย่างไร

ฮอร์โมนมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิวหนัง เมื่อร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศชาย (แอนโดรเจน) มากเกินไป จะกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น ทำให้รูขุมขนอุดตัน เกิดการสะสมของแบคทีเรียและนำไปสู่การอักเสบจนกลายเป็นสิว โดยเฉพาะในช่วงมีประจำเดือนที่ฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลงมาก

ชนิดของยาคุมกำเนิด

ยาคุมกำเนิดแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักตามชนิดของฮอร์โมนที่เป็นส่วนประกอบ ได้แก่ ชนิดฮอร์โมนรวมที่มีทั้งเอสโตรเจนและโปรเจสติน และชนิดฮอร์โมนเดี่ยวที่มีเฉพาะโปรเจสติน โดยชนิดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือแบบฮอร์โมนรวม ส่วนแบบฮอร์โมนเดี่ยวมักถูกเลือกใช้ในกรณีพิเศษ เช่น ผู้ที่มีข้อห้ามในการใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน หญิงที่อยู่ในระยะให้นมบุตร หรือกรณีต้องการใช้เป็นยาคุมฉุกเฉิน

สำหรับยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมนั้น มีรูปแบบการบรรจุที่แตกต่างกันสองแบบหลัก คือแบบ 21 เม็ดและ 28 เม็ด 

  • แบบ 21 เม็ด จะประกอบด้วยเม็ดยาที่มีฮอร์โมนทั้งหมด โดยผู้ใช้จะต้องรับประทานวันละหนึ่งเม็ดจนหมดแผง จากนั้นหยุดพัก 4-7 วันซึ่งจะมีประจำเดือนมาในช่วงนี้ แล้วจึงเริ่มแผงใหม่ในวันที่ 5 ของรอบเดือน 
  • แบบ 28 เม็ด จะมีเม็ดยา 28 เม็ด แต่จะแบ่งเป็นเม็ดยาที่มีฮอร์โมน 21 เม็ด และเม็ดแป้งที่ไม่มีฮอร์โมนอีก 7 เม็ด (บางยี่ห้อที่มีสัดส่วนต่างออกไป เช่น ฮอร์โมน 24 ต่อแป้ง 4) โดยเม็ดแป้งจะมีลักษณะที่แตกต่างจากเม็ดยาให้เห็นชัดเจน ผู้ใช้จะรับประทานต่อเนื่องทุกวันและเริ่มแผงใหม่ทันทีเมื่อหมดแผง โดยประจำเดือนจะมาในช่วงที่รับประทานเม็ดแป้งไปได้ 1-3 วัน

ตัวยาในยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวม

ตัวยาในยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวม

ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมประกอบด้วยฮอร์โมนสองกลุ่มหลัก 

  • กลุ่มแรกคือเอสโตรเจน ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ ethinyl estradiol เป็นตัวยาหลัก แม้จะมีตัวเลือกอื่นเช่น mestranol หรือ estradiol ด้วยก็ตาม ในอดีตมีการใช้ปริมาณ ethinyl estradiol สูงถึง 50 ไมโครกรัม ซึ่งก่อให้เกิดผลข้างเคียงมาก แต่ปัจจุบันได้ลดปริมาณลงเหลือไม่เกิน 35 ไมโครกรัม บางตำรับอาจมีเพียง 15-20 ไมโครกรัม การลดขนาดยาลงช่วยลดอาการไม่พึงประสงค์ได้มาก โดยเฉพาะอาการคลื่นไส้ ท้องอืด และเจ็บคัดเต้านม แม้อาจพบเลือดออกกะปริดกะปรอยได้บ้าง 
  • กลุ่มที่สองคือโปรเจสติน มีตัวยาหลายชนิด เช่น levonorgestrel, norethisterone, gestodene และ drospirenone ซึ่งล้วนให้ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดใกล้เคียงกัน นอกจากการคุมกำเนิดแล้ว ยาคุมยังมีประโยชน์ในการรักษาความผิดปกติต่าง ๆ เช่น
    • ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ 
    • ประจำเดือนมามาก 
    • อาการปวดประจำเดือน 
    • ภาวะถุงน้ำในรังไข่ 
    • ช่วยป้องกันมะเร็งบางชนิดได้

ยาคุมลดสิว ทำงานอย่างไร

ยาคุมลดสิวทำงานโดยการควบคุมระดับฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะการลดการผลิตฮอร์โมนเพศชายที่เป็นต้นเหตุของการเกิดสิว นอกจากนี้ยังช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนเพศหญิง ทำให้วงจรประจำเดือนสม่ำเสมอ ซึ่งส่งผลดีต่อสภาพผิวโดยรวม

หลักการเลือกยาคุมลดสิว

หลักการเลือกยาคุมลดสิว

การเลือกยาคุมลดสิวควรพิจารณาตามสภาพร่างกายและความต้องการของผู้ใช้ ดังนี้

  • ผู้ที่มีประจำเดือนมามากหรือมีอาการข้างเคียงจากเอสโตรเจน เช่น คลื่นไส้ มึนหัว ตัวบวม ควรเลือกยาที่มีปริมาณเอสโตรเจนต่ำ เช่น Meliane, Yaz, Mercilon
  • ผู้ที่มีปัญหาสิว หน้ามัน หรือขนดก อาจเลือกใช้ยาที่มีส่วนผสมของ cyproterone acetate หรือ drospirenone เช่น Diane-35, Sucee, Preme, Yasmin, Tina, Belala และ Yaz 
  • ถ้าเป็นสิวรุนแรงแนะนำ Diane-35, Sucee, Tina, Preme
  • ผู้ที่กังวลเรื่องน้ำหนักตัวและมีปัญหาสิวไม่มาก อาจพิจารณายาที่มีส่วนประกอบของ drospirenone เช่น Yaz, Synfonia, Yasmin
  • ผู้ที่มีอาการแปรปรวนทางอารมณ์ก่อนมีประจำเดือน อาจเลือกใช้ยาสูตร 24/4 แนะนำให้รับประทาน YAZ, Synfonia
  • สำหรับมารดาที่ให้นมบุตรควรใช้ยาที่มีเฉพาะโปรเจสตินเท่านั้น 

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือความสม่ำเสมอในการรับประทานยา และควรตระหนักว่าการรับประทานยาคุมมักมีผลข้างเคียง จึงควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเริ่มใช้ยา

ความเสี่ยงและผลข้างเคียงของยาคุมลดสิว

  • อาการคลื่นไส้ อาเจียน โดยเฉพาะในช่วงแรกของการใช้ยา
  • น้ำหนักตัวอาจเปลี่ยนแปลง
  • เสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน โดยเฉพาะในผู้ที่สูบบุหรี่
  • อาจมีผลต่อความดันโลหิตและระดับไขมันในเลือด
  • อารมณ์แปรปรวนหรือซึมเศร้า
  • เลือดออกผิดปกติระหว่างรอบเดือน

ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการใช้ยาคุมลดสิว

  • ผู้ที่มีประวัติโรคหลอดเลือดอุดตัน หรือมีความเสี่ยงสูง
  • สตรีที่มีอายุมากกว่า 35 ปีและสูบบุหรี่
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง
  • ผู้ที่มีประวัติมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งปากมดลูก
  • สตรีให้นมบุตร หรืออยู่ในช่วง 6 สัปดาห์แรกหลังคลอด
  • ผู้ที่มีโรคตับ หรือการทำงานของตับผิดปกติ
  • ผู้ที่มีไมเกรนชนิดรุนแรง
  • ผู้ที่แพ้ส่วนประกอบของยาคุมกำเนิด

ทางเลือกอื่น ๆ ในการรักษาสิว

โปรแกรมรักษาสิว Acclear

วิธีรักษาสิวในปัจจุบันมีหลากหลายทางเลือก โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพายาคุมกำเนิดเพียงอย่างเดียว ที่ Dr. NAT Clinic เราได้พัฒนาโปรแกรมรักษาสิว Acclear ซึ่งเป็นการรักษาสิวด้วยเทคโนโลยีสองรูปแบบ ได้แก่ เทคโนโลยี Long Pulse Diode 1450 ซึ่งเป็นเลเซอร์ชนิดพิเศษที่สามารถส่งพลังงานเจาะลึกลงไปถึงชั้นต่อมไขมันใต้ผิวหนังเพื่อควบคุมการผลิตน้ำมันที่มากเกินไป และสามารถรักษาสิวในระยะเริ่มต้นที่ยังมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า และเทคโนโลยี Monopolar RF หรือคลื่นวิทยุแบบขั้วเดียว ทำให้สามารถรักษาได้อย่างแม่นยำเฉพาะบริเวณที่เป็นสิวอักเสบ ช่วยทำให้ต่อมไขมันฝ่อตัวลงและป้องกันการเกิดสิวซ้ำ 

นวัตกรรมนี้มีข้อดีที่คือสามารถรักษาสิวได้อย่างครอบคลุม ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและฟื้นตัวได้รวดเร็ว จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวเรื้อรังที่รักษายาก หรือมีสิวกลับมาเป็นซ้ำบ่อยครั้ง 

นอกจากนี้ เรายังมีโปรแกรมรักษารอยสิว DAS (Double Advance Skin Stimulator) สำหรับการรักษารอยสิวโดยเฉพาะ ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่และฟื้นฟูผิวที่เสียหายจากสิว

สรุปบทความ

การใช้ยาคุมลดสิวอาจเป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษา แต่ไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมสำหรับทุกคน ควรปรึกษาแพทย์ผู้เพื่อประเมินความเหมาะสมและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจใช้ยา ที่ Dr. NAT Clinic เรามีทางเลือกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการรักษาสิว พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยวิเคราะห์และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคุณ หากคุณกำลังประสบปัญหาสิวฮอร์โมนขึ้นผิดปกติ หรือกำลังมองหาวิธีรักษาสิว Dr. NAT Clinic พร้อมดูแลคุณ เพื่อให้คุณกลับมามั่นใจกับผิวที่สวยใสอีกครั้ง สามารถปรึกษาหมอแนทที่ Line : @doctornat หรือโทร. 097-9749944 ได้เลยค่ะ

คำถามที่พบบ่อย

เรารวบรวมคำถามที่หลายคนมักจะสงสัยเกี่ยวกับการใช้ยาคุมลดสิว ดังนี้

1. ยาคุมลดสิว กินยังไง

การรับประทานยาคุมลดสิวต้องทำอย่างสม่ำเสมอในเวลาเดียวกันทุกวัน โดยทั่วไปยาคุมจะมีแผงละ 21 หรือ 28 เม็ด ควรเริ่มทานในวันที่ 1-5 ของรอบเดือน และรับประทานต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์

2. ยาคุมลดสิว รักษาสิวได้จริงไหม?

ยาคุมสามารถช่วยลดสิวได้ในผู้ที่มีสาเหตุมาจากความไม่สมดุลของฮอร์โมน โดยเฉพาะสิวที่เกิดในช่วงมีประจำเดือน อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพจะแตกต่างกันในแต่ละบุคคล และควรใช้ร่วมกับการดูแลผิวที่เหมาะสม

3. กินยาคุมลดสิว กี่เดือนถึงเห็นผล?

โดยทั่วไปต้องใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือนจึงจะเห็นผลชัดเจน บางรายอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าหรือช้ากว่านี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความรุนแรงของสิว ควรใช้ยาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอตามที่แพทย์แนะนำ

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

เลือกช่องทางปรึกษาปัญหาผิวได้เลยค่ะ

Facebook Dr. NAT
Line Dr.NAT
เบอร์ Dr. NAT
Tik Tok Dr. NAT