
ฝ้ามีกี่ประเภท รักษายากมั้ย?
ฝ้าตื้น
เป็นฝ้าที่สามารถเห็นขอบเขตฝ้าชัดเจนบนหนังกำพร้า มีลักษณะสีน้ำตาลเข้ม และเนื่องจากเป็นฝ้าที่เกิดบนชั้นผิวหนังกำพร้า หรือผิวชั้นนอกทำให้รักษาง่ายกว่าฝ้าแบบอื่น
ฝ้าลึก
มีสีเทาอ่อน น้ำตาลอ่อน หรืออมม่วง เห็นขอบไม่ชัด เนื่องจากเกิดลึกลงไปบริเวณหนังแท้เป็นฝ้าที่รักษาให้หายได้ยาก
ฝ้าผสม
บางคนสามารถเป็นทั้งฝ้าลึกและฝ้าตื้น ทำให้เรียกว่าฝ้าผสมนั่นเอง ซึ่งการดูแลรักษาฝ้าแบบนี้ต้องใช้วิธีรักษาหลายแบบรวมกัน
ฝ้าเลือด
เกิดจากความผิดปกติของเส้นเลือดฝอยบนใบหน้าเนื่องจากผิวหนังรับ รังสีอัลตราไวโอเล็ต จากแสงแดดเป็นเวลานานบริเวณที่พบฝ้าเลือดได้มากที่สุด คือ บริเวณโหนกแก้มและสันจมูกรวมถึงมาจากการใช้เครื่องสำอางหรือยาที่มีส่วนผสมของ สเตียรอยด์ทำให้เส้นเลือดฝอยแตกและมีเลือดกระจุกบริเวณพังผืดใต้ผิวหนังชั้นลึก โดยฝ้าจะมีสีน้ำตาลแดง
อ้างอิงข้อมูล : Lueangarun S, Namboonlue C, Tempark T. Postinflammatory and rebound hyperpigmentation as a complication aftertreatment efficacy of telangiectatic melasma with 585 nanometers Q-switched Nd: YAG laser and 4% hydroquinone cream in skin phototypes III-V. J Cosmet Dermatol. 2021Jun;20(6):1700-1708. doi: 10.1111/jocd.13756
ที่มา : หนังสือ “ฝ้า (Melasma)” โดย สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2562

การรักษาฝ้าต้องรู้ชนิดของฝ้าที่แท้จริงและความลึกของฝ้า
ฝ้าแต่ละชนิดจะเกิดบนชั้นผิวและระดับความลึกที่ต่างกัน ที่ดอกเตอร์แนท คลินิก จะใช้ Melasma Lab สแกนผิวประเมินว่าเป็นฝ้าชนิดไหนและลึกแค่ไหนเพื่อออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล ให้ตรงจุดและได้ประสิทธิภาพดี

ผลข้างเคียงจากการรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์
เลเซอร์ที่รุนแรงเกินความจำเป็นอาจ “ทำลาย” เซลล์สร้างเม็ดสี (Melanocyte) จนเกิดเป็นรอยด่างขาวไม่สม่ำเสมอที่เรียกว่า Mottled Hypopigmentation รอยขาวด่างๆ ที่เหมือนสีผิวหลุดออกมาจากผิวนี้ยากที่จะรักษาให้กลับมาเหมือนเดิม
ที่มา : หนังสือ “ฝ้า (Melasma)” โดย สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2562

หยุดใช้ความร้อนที่สะสมมากเกินไปในการรักษาฝ้า
เยื่อกั้นผิว ( Basement Membrane ) คือ ด่านสำคัญที่คอยปกป้องผิวเมื่อถูกทำลายจากพลังงานความร้อนที่สะสมมากเกินไป เยื่อกั้นผิวจะขาด ส่งผลให้ Melanocyte ห้อยตัวลงลึกและผลิตเม็ดสีฝังแน่นยิ่งขึ้น

โปรแกรมรักษาฝ้าไม่ใช้ความร้อน
หมอแนทเลือกและคิดค้นเพื่อรักษาฝ้าโดยไม่พึ่งความร้อน โดยใช้วิธีการกระตุ้นคอลลาเจนทุกชั้นผิว สร้างเซลล์ผิวใหม่ ไม่ทำให้ผิวบาง ไม่ดูดกลืนแสง ไม่ต้องทนแสบร้อน ไม่ต้องเสี่ยงหน้าไหม้ เป็นการรักษามาจากต้นตอ ไม่ใช่การกลบร่องรอยและการโบกรองพื้นหนา ก็ไม่ได้แก้ปัญหาฝ้าได้จริงหลักการง่ายๆ ของหมอแนทมีแค่สามข้อคือ…
ลดการทำงานของเซลล์ Melanocyte
เร่งกำจัดเม็ดสี Melanin ส่วนเกิน
และ…ป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
โดยใช้ Melasma Lab มาช่วยตรวจหาสาเหตุฝ้าได้ตรงจุด
แยกชนิดของฝ้า และรอยดำ ได้อย่างชัดเจน แม่นยำ
ที่สำคัญที่สุด…คือการไม่ใช้ความร้อนกับผิวที่อ่อนไหว
หากเรารู้สาเหตุที่แท้จริง ก็ไม่จำเป็นต้องมาไล่ยิงเม็ดสีทีละเม็ด

ขั้นตอนที่ 1
วิเคราะห์ปัญหาฝ้าทุกชนิดทุกชั้นผิวด้วย Melasma Lab เพื่อวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล
การรักษาต้องมีการสแกนผิวประเมินว่าเป็นฝ้าชนิดไหน และลึกแค่ไหนด้วยโปรแกรม Melasma Lab ซึ่งเป็นการออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล


ขั้นตอนที่ 2
กำจัดเม็ดสีเมลานินส่วนเกินอย่างตรงจุด
ฝังตัวยาลงสู่ใต้ชั้นผิวหนังบริเวณที่เป็นฝ้า เพื่อลดการทำงานของเมลาโนไซต์และกำจัดเม็ดสีส่วนเกินได้อย่างตรงจุด สามารถรักษาได้ทั้งตื้น กลาง และลึก ช่วยลดฝ้าชนิดและประเภทต่างๆ ได้อย่างตรงจุด โดยตัวยาที่ถูกออกแบบเฉพาะบุคคลให้ตรงกับชนิดและความลึกของฝ้า ช่วยฟื้นฟูผิวจากต้นตอปัญหา

ขั้นตอนที่ 3
ป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
ฟื้นฟูโครงสร้างผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเติมสารอาหารผิว ฟื้นฟูผิวตั้งแต่ชั้นลึกจนถึงชั้นผิวที่มองเห็นได้ ลดปัญหาผิวคล้ำเสียช่วยให้ผิวกลับมาดูสุขภาพดี และใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

ทำไมต้องรักษาฝ้าที่ Doctor NAT Clinic
หมอแนทไม่อยากเห็นคุณเจ็บ…แบบไม่จบ!
เจ็บ…กับฝ้าที่ยังอยู่กับหน้า
ไปแล้วก็กลับเป็นใหม่ และยิ่งไปกันใหญ่
เจ็บ…กับผิว ที่แสบร้อน เพราะโดนความร้อนซ้ำๆ
เจ็บ…กับความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า
หมอแนทอยากให้การเจอกันของเรา
ทำให้คุณจบ…แบบไม่เจ็บ!
โปรแกรมรักษาฝ้าไม่ใช้ความร้อน MISS
รักษาได้ตรงจุด ยับยั้งการกระจายตัวของฝ้า กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
เน้นผลลัพธ์ตั้งแต่ครั้งแรกที่รักษา ไม่มีการรักษาเป็นคอร์ส
เหมาะกับคนไม่มีเวลาเข้าคลินิก
- เหมาะกับผู้ที่มีฝ้าจากการผลิตเม็ดสีเมลานินมากเกินไป
- เหมาะกับผู้ที่ไม่สามารถลดฝ้าด้วยวิธีอื่น ๆ ได้
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดฝ้าที่เกิดจากการสัมผัสแสงแดดบ่อย ๆ
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดฝ้าอย่างรวดเร็ว เห็นผลลัพธ์ได้ในระยะเวลาไม่นาน
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดเลือนจุดด่างดำบนใบหน้า
- ก่อนทำโปรแกรม MISS รักษาฝ้าไม่ใช้ความร้อน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินปัญหาฝ้าและสุขภาพผิว เพื่อวางแผนการดูแลรักษาให้เหมาะสมกับสภาพผิว
- ก่อนทำโปรแกรม MISS รักษาฝ้าไม่ใช้ความร้อน ควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน หรือถ้าหากจำเป็นต้องสัมผัสแดด ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง เพื่อปกป้องผิวก่อนการทำโปรแกรม MISS รักษาฝ้าไม่ใช้ความร้อน เพื่อป้องกันการกระตุ้นการผลิตเม็ดสีเมลานิน
- ก่อนทำโปรแกรม MISS รักษาฝ้าไม่ใช้ความร้อน ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด อย่างน้อย 3-5 วันก่อนการทำ โปรแกรม MISS รักษาฝ้าไม่ใช้ความร้อน เพื่อลดความเสี่ยงในการแพ้หรือการระคายเคือง
- ก่อนทำโปรแกรม MISS รักษาฝ้าไม่ใช้ความร้อน ควรหยุดรับประทานยาหรืออาหารเสริมบางชนิด แต่ทั้งนี้การหยุดรับประทานยา ควรอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของแพทย์
- ก่อนทำโปรแกรม MISS รักษาฝ้าไม่ใช้ความร้อน ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวแห้งหรือระคายเคือง เพื่อลดความเสี่ยงของการระคายเคืองหลังการทำโปรแกรม MISS รักษาฝ้าไม่ใช้ความร้อน
- ก่อนทำโปรแกรม MISS รักษาฝ้าไม่ใช้ความร้อน ควรหลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ ผลัดเซลล์ผิว หรือทรีตเมนต์ ที่อาจทำให้ผิวบางก่อนการทำโปรแกรม MISS รักษาฝ้าไม่ใช้ความร้อน อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- ก่อนทำโปรแกรม MISS รักษาฝ้าไม่ใช้ความร้อน ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- หลังทำ โปรแกรม MISS รักษาฝ้าไม่ใช้ความร้อน ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดจัดๆ เช่น ทะเล ภูเขา ดำน้ำ ตีกอล์ฟ ในช่วง 2 สัปดาห์แรก หลังการทำโปรแกรม MISS รักษาฝ้าไม่ใช้ความร้อน
- หลังทำ โปรแกรม MISS รักษาฝ้าไม่ใช้ความร้อน ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าในช่วง 3 วันแรกหลังการทำ โปรแกรม MISS รักษาฝ้าไม่ใช้ความร้อน เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อหรือการระคายเคืองผิว
- หลังทำ โปรแกรม MISS รักษาฝ้าไม่ใช้ความร้อน ควรประคบเย็นต่อเนื่อง เพื่อช่วยลดอาการบวม แดงหลังทำการรักษา
- หลังทำ โปรแกรม MISS รักษาฝ้าไม่ใช้ความร้อน หลี่กเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- อาการบวมหรือรอยแดงหลังทำหัตถการ โดยอาการจะบรรเทาลงใน 2-3 วัน
- รอยช้ำที่เกิดจากโปรแกรม MISS รักษาฝ้าไม่ใช้ความร้อน อาการจะค่อยๆดีขึ้นประมาณ 3- 7 วัน
- การสัมผัสแสงแดด ปัจจัยนี้เป็นปัจจัยการกระตุ้นหลักที่ทำให้เกิดฝ้ากลับมาซ้ำได้ แม้จะผ่านการทำโปรแกรม MISS รักษาฝ้าไม่ใช้ความร้อนมาแล้ว หากไม่มีการดูแลป้องกันผิวที่เหมาะสม ซึ่งปัจจัยนี้สามารถป้องกันได้ด้วยการทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง ซ้ำทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง หรือหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง
- การดูแลผิวหลังการทำโปรแกรม MISS รักษาฝ้าไม่ใช้ความร้อนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ผลลัพธ์การดูแลรักษาอยู่ได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น
- การทำโปรแกรม MISS รักษาฝ้าไม่ใช้ความร้อนซ้ำ แม้ผลลัพธ์หลังการทำโปรแกรม MISS รักษาฝ้าไม่ใช้ความร้อน จะสามารถอยู่ได้ยาวนาน แต่ก็จำเป็นเป็นอย่างมากในการทำซ้ำปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อช่วยรักษาความสม่ำเสมอของสีผิว และลดโอกาสที่ฝ้าจะกลับมา
- ปัจจัยภายในร่างกาย ปัจจัยนี้เป็นปัจจัยจากภายในร่างกายที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ มักเกิดจากฮอร์โมนในร่างกาย ในผู้ที่เป็นกรณีแพทย์อาจแนะนำการลดฝ้าวิธีการอื่นๆ ร่วมด้วย
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เสียงตัดพังผืด สัญญาณแห่งการปลดล็อคหลุมสิว
ทำไมเสียงตัดพังผืด จึงเป็นสัญญาณแห่งการเปลี่ยนชีวิต ด้วย MASS Advanced เทคนิคตัดพังผืดหลายชั้น ฟื้นฟูผิว คืนความมั่นใจ
10 ปีแห่งความทุกข์จากฝ้า… จบที่ Doctor NAT Clinic
เรื่องจริงจากแม่บ้านโคราชที่ต่อสู้กับฝ้ามา 10 ปี ผ่านการรักษามานับไม่ถ้วนแต่ไม่เคยได้ผล จนได้พบ Doctor NAT Clinic
ความเชื่อผิดๆ เรื่องสิวอาจทำให้เกิดหลุมสิวถาวร
สิวอักเสบที่ปล่อยไว้โดยไม่รักษา เสี่ยงกลายเป็นหลุมสิวลึกถาวร เคสจริง “คุณอ่ำ” จบปัญหาหลุมสิว 10 ปี ด้วย MASS Advanced ที่ Doctor NAT Clinic








