
“มีฝ้าอยากรักษา แต่ลังเลว่าจะเลือกเลเซอร์ หรือฉีดสลายฝ้าดี ?” หลายคนมีคำถามแบบนี้อยู่ในใจ เพราะทั้งสองวิธีต่างก็ได้รับความนิยม แต่ผลลัพธ์ ความปลอดภัย รวมถึงค่าใช้จ่ายที่อาจต่างกัน ซึ่งการทำความรู้จักว่าข้อดี ข้อเสีย ของแต่ละวิธีอย่างละเอียด จะช่วยให้สามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจว่าทางไหนเหมาะกับผิวมากที่สุด
ฝ้าคืออะไร ทำไมต้องรีบรักษา ?
ฝ้าคือภาวะที่เกิดจากการผลิตเม็ดสีเมลานินในชั้นผิวหนังมากเกินไป โดยมักจะปรากฏเป็นปื้นสีคล้ำ ๆ หรือสีน้ำตาลในบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก หรือเหนือริมฝีปาก ซึ่งฝ้ามีหลายประเภทที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
- ฝ้าตื้น: อยู่ในชั้นหนังกำพร้า มักรักษาง่ายและใช้เวลาน้อยในการฟื้นฟู
- ฝ้าลึก: ฝ้าอยู่ในชั้นหนังแท้ มักต้องใช้เวลาและวิธีการรักษาที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
- ฝ้าผสม: มีทั้งฝ้าตื้นและฝ้าลึกอยู่ในบริเวณเดียวกัน ซึ่งยากกว่าฝ้าแบบใดแบบหนึ่ง
หากปล่อยให้ฝ้าลุกลามและสะสมไปเรื่อย ๆ อาจทำให้การรักษาใช้เวลานานขึ้นและยากขึ้น ดังนั้นการรักษาฝ้าตั้งแต่เริ่มต้นจะช่วยให้ผิวกลับมาสวยกระจ่างใสได้เร็วขึ้น
การฉีดสลายฝ้าคืออะไร ?
การฉีดสลายฝ้า หรือที่รู้จักกันในชื่อ ฉีดเมโสฝ้า (Meso Therapy) เป็นการฉีดสารที่ช่วยลดการผลิตเม็ดสี เช่น วิตามินซี กลูต้าไธโอน หรือสารยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานินเข้าสู่ผิวโดยตรง การฉีดมักจะเหมาะกับผู้ที่มีฝ้าตื้นหรือผู้ที่มีผิวไวต่อความร้อน
ข้อดีของการฉีดสลายฝ้า
- ผิวไม่ไวต่อแดด
- ไม่เจ็บตัว
ข้อควรระวัง
- ต้องทำต่อเนื่องถึงจะเห็นผล
- ความเจ็บจากการฉีดยาที่ผิวหนัง
- อาจมีรอยเข็มรอยแดงจากการฉีด
เลเซอร์ฝ้าคืออะไร ?
เลเซอร์ฝ้าเป็นวิธีที่ใช้พลังงานแสงเพื่อทำลายเม็ดสีที่สะสมอยู่ในชั้นผิวลึก ซึ่งมักใช้ในการรักษาฝ้าที่ลึกหรือฝ้าที่มีอายุมากแล้ว โดยเลเซอร์ยอดนิยมที่ใช้รักษาฝ้า ได้แก่ Pico Laser ซึ่งมีความแม่นยำสูงและเหมาะสำหรับฝ้าที่ดื้อยา
ข้อดีของเลเซอร์ฝ้า
- ปลอดภัย ใช้ได้ทุกช่วงอายุ
- ปรับสภาพและรักษาความผิดปกติของสีผิว ยิงลงไปบริเวณที่เกิดฝ้าโดยตรงและทำลายเซลล์สร้างเม็ดสีด้วยความร้อน
ข้อควรระวัง
- ต้องทำต่อเนื่องถึงจะเห็นผล
- ความเจ็บจากความร้อนของเลเซอร์
- มีโอกาสผิวไวต่อแดด
- หากใช้พลังงานไม่เหมาะสมจะเกิดรอยดำกว่าเดิม (PIH)
- รอยขาวจากเลเซอร์ (Mottled Hypopigmentation)
- ไม่เหมาะกับผู้ที่เลี่ยงการโดนแดดไม่ได้
- ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวคล้ำเพราะมีโอกาสเกิดการ Burn ไหม้ได้ง่าย ถ้าปรับพลังงานไม่เหมาะสม

เลือกอย่างระวัง ! ฉีดสลายฝ้ากับเลเซอร์อันไหนดีกว่ากัน ?
การตัดสินใจว่าจะเลือกรักษาฝ้า ด้วยการฉีดสลายฝ้า หรือเลเซอร์ฝ้า อันไหนดีกว่ากัน ? ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง
สภาพผิวของผู้รักษา
สภาพผิวของแต่ละคนมีผลอย่างมากต่อการเลือกวิธีรักษาฝ้า เนื่องจากผิวที่แตกต่างกันจะตอบสนองต่อการรักษาต่างกันไป เช่น
- ผิวแพ้ง่าย อาจเหมาะกับการฉีดสลายฝ้ามากกว่า เพราะการใช้เลเซอร์อาจทำให้ผิวบอบบาง หรือแพ้ง่ายเกิดการระคายเคืองหลังทำได้
- ผิวหนา หรือผิวที่ไม่ไวต่อแสง เลเซอร์อาจเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะสามารถทำลายเม็ดสีฝ้าได้ลึกและมีประสิทธิภาพสูง แต่ต้องระมัดระวังไม่ให้ทำการเลเซอร์บ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวบางลงหรือเกิดผลข้างเคียงตามมาได้
- ผิวคล้ำ หรือผิวที่มีแนวโน้มให้เกิดฝ้าได้ง่าย อาจต้องระมัดระวังในการใช้เลเซอร์ฝ้า เนื่องจากอาจกระตุ้นให้ฝ้ากลับมาเข้มขึ้นได้หากไม่ได้ป้องกันแสงแดดอย่างเคร่งครัด
เป้าหมายในการรักษา
เป้าหมายในการรักษาฝ้าของแต่ละคนก็มีผลในการเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม เช่น
- ต้องการผลลัพธ์ที่เร็วและเห็นผลทันที การทำเลเซอร์ฝ้า มักจะให้ผลที่รวดเร็วกว่า โดยเฉพาะสำหรับฝ้าลึก หรือฝ้าที่ดื้อยา เนื่องจากสามารถลดความหมองคล้ำและฝ้าได้ทันทีหลังจากทำเพียงไม่กี่ครั้ง
- ต้องการวิธีการรักษาที่ไม่ต้องพักฟื้นนาน การฉีดสลายฝ้าอาจเหมาะสมกว่า เนื่องจากวิธีนี้ไม่ทำให้ผิวไวต่อแสง จึงกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วกว่า
- รักษาฝ้าที่เป็นมายาวนานและมีความลึก ฝ้าประเภทนี้จะไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยครีมบำรุง หรือวิธีการอื่น แต่การเลเซอร์ฝ้าจะช่วยได้มากกว่า เนื่องจากมันสามารถเข้าไปทำลายเม็ดสีที่อยู่ลึกในชั้นผิวหนังได้อย่างตรงจุด

รักษาฝ้าเฉพาะบุคคลอย่างแม่นยำและตรงจุด ด้วยโปรแกรม MISS ที่ ดอกเตอร์แนทคลินิก
นอกจากการเลือกว่าฉีดสลายฝ้ากับเลเซอร์ อันไหนดีกว่ากัน ? สิ่งสำคัญคือการวิเคราะห์ปัญหาผิวอย่างตรงจุดและเลือกแนวทางที่ปลอดภัย ไม่กระตุ้นให้ฝ้ากำเริบในระยะยาว หากกำลังมองหาแนวทางการรักษาฝ้าที่ปลอดภัย ไม่ใช้ความร้อน ไม่ทำร้ายผิว ดอกเตอร์แนทคลินิก มีโปรแกรม MISS ที่ใช้เทคนิคเฉพาะวิเคราะห์ระดับความลึกของฝ้า เพื่อออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลอย่างแม่นยำ โดยมีหลักการรักษา ดังนี้
- ลดการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสี (Melanocyte) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของฝ้า
- การกำจัดเม็ดสีเมลานินส่วนเกิน โดยไม่ทำอันตรายกับชั้นผิว ไม่ทำให้ผิวระคายเคือง หรือไวต่อแสงและไม่มีความร้อนไปสะสมใต้ผิว
- ป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ พร้อมช่วยลดการอักเสบ เพิ่มความชุ่มชื้น เสริมเกราะป้องกันผิวเพื่อป้องกันการเกิดฝ้าใหม่
ขั้นตอนการรักษาด้วยโปรแกรม MISS
- Scan Before Treat – ส่องฝ้าก่อนวางแผนการรักษาด้วย Melasma lab
- Prep Skin – เตรียมชั้นผิวก่อนฝังยา
- Targeted Deep-Injection – ฝังยาเข้าชั้นผิว เก็บฝ้าตามผล Melasma lab
- Micro-Infusion – ผลักยาเคลียร์ฝ้าตื้น
- One Session, Triple-Layer Result – รักษาหนึ่งครั้ง เก็บครบทุกชั้น
ดอกเตอร์แนทคลินิก มีความเชี่ยวชาญในการรักษาฝ้าด้วยโปรแกรม MISS โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมทีมแพทย์ที่จะคอยประเมินและออกแบบแผนการรักษาเฉพาะบุคคล ควบคู่ไปกับการให้คำปรึกษาและการดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ช่วยให้ฝ้าและจุดด่างดำดูจางลง ปรึกษาดอกเตอร์แนทคลินิกที่ Line : @doctornat หรือ โทร. 097-9749944
ข้อมูลอ้างอิง :
- What to Expect from Laser Treatments for Melasma. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.healthline.com/health/beauty-skin-care/melasma-laser-treatments
- Mesotherapy for Melasma. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 จาก https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC11174183/
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เสียงตัดพังผืด สัญญาณแห่งการปลดล็อคหลุมสิว
ทำไมเสียงตัดพังผืด จึงเป็นสัญญาณแห่งการเปลี่ยนชีวิต ด้วย MASS Advanced เทคนิคตัดพังผืดหลายชั้น ฟื้นฟูผิว คืนความมั่นใจ
10 ปีแห่งความทุกข์จากฝ้า… จบที่ Doctor NAT Clinic
เรื่องจริงจากแม่บ้านโคราชที่ต่อสู้กับฝ้ามา 10 ปี ผ่านการรักษามานับไม่ถ้วนแต่ไม่เคยได้ผล จนได้พบ Doctor NAT Clinic
ความเชื่อผิดๆ เรื่องสิวอาจทำให้เกิดหลุมสิวถาวร
สิวอักเสบที่ปล่อยไว้โดยไม่รักษา เสี่ยงกลายเป็นหลุมสิวลึกถาวร เคสจริง “คุณอ่ำ” จบปัญหาหลุมสิว 10 ปี ด้วย MASS Advanced ที่ Doctor NAT Clinic




