ระหว่างฉีดสลายฝ้ากับเลเซอร์ฝ้า อันไหนให้ผลลัพธ์ดีกว่ากัน ?

September, 2 2025

/ By Doctor NAT Clinic

ผู้หญิงเป็นฝ้า

“มีฝ้าอยากรักษา แต่ลังเลว่าจะเลือกเลเซอร์ หรือฉีดสลายฝ้าดี ?” หลายคนมีคำถามแบบนี้อยู่ในใจ เพราะทั้งสองวิธีต่างก็ได้รับความนิยม แต่ผลลัพธ์ ความปลอดภัย รวมถึงค่าใช้จ่ายที่อาจต่างกัน ซึ่งการทำความรู้จักว่าข้อดี ข้อเสีย ของแต่ละวิธีอย่างละเอียด จะช่วยให้สามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจว่าทางไหนเหมาะกับผิวมากที่สุด 

ฝ้าคืออะไร ทำไมต้องรีบรักษา ?

ฝ้าคือภาวะที่เกิดจากการผลิตเม็ดสีเมลานินในชั้นผิวหนังมากเกินไป โดยมักจะปรากฏเป็นปื้นสีคล้ำ ๆ หรือสีน้ำตาลในบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก หรือเหนือริมฝีปาก ซึ่งฝ้ามีหลายประเภทที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้ 

  • ฝ้าตื้น: อยู่ในชั้นหนังกำพร้า มักรักษาง่ายและใช้เวลาน้อยในการฟื้นฟู
  • ฝ้าลึก: ฝ้าอยู่ในชั้นหนังแท้ มักต้องใช้เวลาและวิธีการรักษาที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
  • ฝ้าผสม: มีทั้งฝ้าตื้นและฝ้าลึกอยู่ในบริเวณเดียวกัน ซึ่งยากกว่าฝ้าแบบใดแบบหนึ่ง

หากปล่อยให้ฝ้าลุกลามและสะสมไปเรื่อย ๆ อาจทำให้การรักษาใช้เวลานานขึ้นและยากขึ้น ดังนั้นการรักษาฝ้าตั้งแต่เริ่มต้นจะช่วยให้ผิวกลับมาสวยกระจ่างใสได้เร็วขึ้น

เลือกช่องทางปรึกษาปัญหาผิวได้เลยค่ะ

Facebook Dr. NAT
Line Dr.NAT
เบอร์ Dr. NAT
Tik Tok Dr. NAT

การฉีดสลายฝ้าคืออะไร ?

การฉีดสลายฝ้า หรือที่รู้จักกันในชื่อ ฉีดเมโสฝ้า (Meso Therapy) เป็นการฉีดสารที่ช่วยลดการผลิตเม็ดสี เช่น วิตามินซี กลูต้าไธโอน หรือสารยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานินเข้าสู่ผิวโดยตรง การฉีดมักจะเหมาะกับผู้ที่มีฝ้าตื้นหรือผู้ที่มีผิวไวต่อความร้อน

ข้อดีของการฉีดสลายฝ้า

  • ผิวไม่ไวต่อแดด
  • ไม่เจ็บตัว

ข้อควรระวัง

  • ต้องทำต่อเนื่องถึงจะเห็นผล
  • ความเจ็บจากการฉีดยาที่ผิวหนัง
  • อาจมีรอยเข็มรอยแดงจากการฉีด

เลเซอร์ฝ้าคืออะไร ?

เลเซอร์ฝ้าเป็นวิธีที่ใช้พลังงานแสงเพื่อทำลายเม็ดสีที่สะสมอยู่ในชั้นผิวลึก ซึ่งมักใช้ในการรักษาฝ้าที่ลึกหรือฝ้าที่มีอายุมากแล้ว โดยเลเซอร์ยอดนิยมที่ใช้รักษาฝ้า ได้แก่ Pico Laser ซึ่งมีความแม่นยำสูงและเหมาะสำหรับฝ้าที่ดื้อยา

ข้อดีของเลเซอร์ฝ้า

  • ปลอดภัย ใช้ได้ทุกช่วงอายุ
  • ปรับสภาพและรักษาความผิดปกติของสีผิว ยิงลงไปบริเวณที่เกิดฝ้าโดยตรงและทำลายเซลล์สร้างเม็ดสีด้วยความร้อน

ข้อควรระวัง

  • ต้องทำต่อเนื่องถึงจะเห็นผล
  • ความเจ็บจากความร้อนของเลเซอร์
  • มีโอกาสผิวไวต่อแดด
  • หากใช้พลังงานไม่เหมาะสมจะเกิดรอยดำกว่าเดิม (PIH)
  • รอยขาวจากเลเซอร์ (Mottled Hypopigmentation)
  • ไม่เหมาะกับผู้ที่เลี่ยงการโดนแดดไม่ได้
  • ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวคล้ำเพราะมีโอกาสเกิดการ Burn ไหม้ได้ง่าย ถ้าปรับพลังงานไม่เหมาะสม
ผู้หญิงที่กำลังหาวิธีรักษาฝ้า

เลือกอย่างระวัง ! ฉีดสลายฝ้ากับเลเซอร์อันไหนดีกว่ากัน ?

การตัดสินใจว่าจะเลือกรักษาฝ้า ด้วยการฉีดสลายฝ้า หรือเลเซอร์ฝ้า อันไหนดีกว่ากัน ? ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง 

สภาพผิวของผู้รักษา

สภาพผิวของแต่ละคนมีผลอย่างมากต่อการเลือกวิธีรักษาฝ้า เนื่องจากผิวที่แตกต่างกันจะตอบสนองต่อการรักษาต่างกันไป เช่น

  • ผิวแพ้ง่าย อาจเหมาะกับการฉีดสลายฝ้ามากกว่า เพราะการใช้เลเซอร์อาจทำให้ผิวบอบบาง หรือแพ้ง่ายเกิดการระคายเคืองหลังทำได้
  • ผิวหนา หรือผิวที่ไม่ไวต่อแสง เลเซอร์อาจเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะสามารถทำลายเม็ดสีฝ้าได้ลึกและมีประสิทธิภาพสูง แต่ต้องระมัดระวังไม่ให้ทำการเลเซอร์บ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวบางลงหรือเกิดผลข้างเคียงตามมาได้
  • ผิวคล้ำ หรือผิวที่มีแนวโน้มให้เกิดฝ้าได้ง่าย อาจต้องระมัดระวังในการใช้เลเซอร์ฝ้า เนื่องจากอาจกระตุ้นให้ฝ้ากลับมาเข้มขึ้นได้หากไม่ได้ป้องกันแสงแดดอย่างเคร่งครัด

เลือกช่องทางปรึกษาปัญหาผิวได้เลยค่ะ

Facebook Dr. NAT
Line Dr.NAT
เบอร์ Dr. NAT
Tik Tok Dr. NAT

เป้าหมายในการรักษา

เป้าหมายในการรักษาฝ้าของแต่ละคนก็มีผลในการเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม เช่น

  • ต้องการผลลัพธ์ที่เร็วและเห็นผลทันที การทำเลเซอร์ฝ้า มักจะให้ผลที่รวดเร็วกว่า โดยเฉพาะสำหรับฝ้าลึก หรือฝ้าที่ดื้อยา เนื่องจากสามารถลดความหมองคล้ำและฝ้าได้ทันทีหลังจากทำเพียงไม่กี่ครั้ง
  • ต้องการวิธีการรักษาที่ไม่ต้องพักฟื้นนาน การฉีดสลายฝ้าอาจเหมาะสมกว่า เนื่องจากวิธีนี้ไม่ทำให้ผิวไวต่อแสง จึงกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วกว่า
  • รักษาฝ้าที่เป็นมายาวนานและมีความลึก ฝ้าประเภทนี้จะไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยครีมบำรุง หรือวิธีการอื่น แต่การเลเซอร์ฝ้าจะช่วยได้มากกว่า เนื่องจากมันสามารถเข้าไปทำลายเม็ดสีที่อยู่ลึกในชั้นผิวหนังได้อย่างตรงจุด
เปรียบเทียบวิธีรักษาฝ้าทั้งการใช้ยากิน ยาทา ยาฉีด เลเซอร์ และโปรแกรมแกรม MISS

รักษาฝ้าเฉพาะบุคคลอย่างแม่นยำและตรงจุด ด้วยโปรแกรม MISS ที่ ดอกเตอร์แนทคลินิก

นอกจากการเลือกว่าฉีดสลายฝ้ากับเลเซอร์ อันไหนดีกว่ากัน ? สิ่งสำคัญคือการวิเคราะห์ปัญหาผิวอย่างตรงจุดและเลือกแนวทางที่ปลอดภัย ไม่กระตุ้นให้ฝ้ากำเริบในระยะยาว หากกำลังมองหาแนวทางการรักษาฝ้าที่ปลอดภัย ไม่ใช้ความร้อน ไม่ทำร้ายผิว ดอกเตอร์แนทคลินิก มีโปรแกรม MISS ที่ใช้เทคนิคเฉพาะวิเคราะห์ระดับความลึกของฝ้า เพื่อออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลอย่างแม่นยำ โดยมีหลักการรักษา ดังนี้

  • ลดการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสี (Melanocyte) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของฝ้า 
  • การกำจัดเม็ดสีเมลานินส่วนเกิน โดยไม่ทำอันตรายกับชั้นผิว ไม่ทำให้ผิวระคายเคือง หรือไวต่อแสงและไม่มีความร้อนไปสะสมใต้ผิว 
  • ป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ พร้อมช่วยลดการอักเสบ เพิ่มความชุ่มชื้น เสริมเกราะป้องกันผิวเพื่อป้องกันการเกิดฝ้าใหม่

ขั้นตอนการรักษาด้วยโปรแกรม MISS

  1. Scan Before Treat – ส่องฝ้าก่อนวางแผนการรักษาด้วย Melasma lab
  2. Prep Skin – เตรียมชั้นผิวก่อนฝังยา
  3. Targeted Deep-Injection – ฝังยาเข้าชั้นผิว เก็บฝ้าตามผล Melasma lab
  4. Micro-Infusion – ผลักยาเคลียร์ฝ้าตื้น
  5. One Session, Triple-Layer Result – รักษาหนึ่งครั้ง เก็บครบทุกชั้น

ดอกเตอร์แนทคลินิก มีความเชี่ยวชาญในการรักษาฝ้าด้วยโปรแกรม MISS โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมทีมแพทย์ที่จะคอยประเมินและออกแบบแผนการรักษาเฉพาะบุคคล ควบคู่ไปกับการให้คำปรึกษาและการดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ช่วยให้ฝ้าและจุดด่างดำดูจางลง ปรึกษาดอกเตอร์แนทคลินิกที่ Line : @doctornat หรือ โทร. 097-9749944

ข้อมูลอ้างอิง :

  1. What to Expect from Laser Treatments for Melasma. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.healthline.com/health/beauty-skin-care/melasma-laser-treatments 
  2. Mesotherapy for Melasma. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 จาก https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC11174183/

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

เลือกช่องทางปรึกษาปัญหาผิวได้เลยค่ะ

Facebook Dr. NAT
Line Dr.NAT
เบอร์ Dr. NAT
Tik Tok Dr. NAT