โปรแกรมรักษาฝ้า ไม่ใช้ความร้อน MISS Surgery ตามหลักการในการรักษาฝ้า

“ฝ้า” ปัญหาผิวหน้าที่หลายคนต้องเผชิญ เป็นรอยปื้นน้ำตาลที่ทำให้ใบหน้าดูหมองคล้ำและขาดความมั่นใจ แม้จะมีวิธีรักษามากมาย แต่หลายคนก็ยังกังวลกับผลข้างเคียงและความเจ็บปวดจากการรักษาอยู่ อย่างไรก็ตาม วงการความงามได้ก้าวไกลไปอีกขั้น ด้วยนวัตกรรมใหม่ที่เรียกว่า “รักษาฝ้า ไม่ใช้ความร้อน MISS Surgery” ซึ่งเป็นโปรแกรมรักษาฝ้าที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
หมอแนทจาก คลินิกรักษาฝ้า Doctor NAT Clinic จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับฝ้า สาเหตุ ชนิดของฝ้า และโปรแกรมการรักษาที่ไม่ต้องใช้ความร้อน พร้อมรีวิวเคสที่รักษาจริง
ฝ้าคืออะไร แบบไหนเรียกว่าฝ้า
ลักษณะปื้นสีน้ำตาลที่เห็นกันบนผิวของเรานั้น คือ “ฝ้า” ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว มักจะเกิดขึ้นบริเวณใบหน้าที่โดนแดดเยอะ ๆ ไม่ว่าจะเป็นช่วงโหนกแก้ม เหนือริมฝีปาก ดั้งจมูก ไปจนถึงหน้าผาก และมักจะไม่เจอนอกเหนือจากใบหน้า
ผู้หญิง เป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดฝ้ามากกว่าผู้ชาย ถ้าได้รับฮอร์โมนเพศหญิงที่มากผิดปกติ เช่น รับประทานยาคุมกำเนิด หรือตั้งครรภ์ ฮอร์โมนเพศสูงขึ้น ทำให้เกิดฝ้าได้ และในปัจจุบัน มีข้อมูลจากงานวิจัย พบว่า ฝ้า สามารถถ่ายทอดจากพันธุกรรมได้ คนไข้ที่คนในครอบครัวมีประวัติเป็นฝ้า จึงมีโอกาสเป็นฝ้าได้มากกว่า


สาเหตุที่แท้จริงของฝ้า ยังไม่ทราบชัดเจน
แต่อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันพบว่า มีสิ่งกระตุ้นหลายประเภทที่เป็นทั้งปัจจัยเสี่ยงในการก่อให้เกิดโรคและสามารถกระตุ้นให้ฝ้าเป็นมากขึ้นได้ ทั้งปัจจัยทางด้านสิ่งแวดล้อม ฮอร์โมน รวมถึงกรรมพันธุ์

1. แสงแดด
แสงแดด เป็นปัจจัยหลักในการก่อให้เกิดฝ้าโดยพบสัมพันธ์กับการทำงานกลางแจ้ง รังสี UV จะกระตุ้นให้ผิวผลิตเมลานินมากขึ้น ทำให้เกิดจุดด่างดำบนใบหน้า การป้องกันด้วยครีมกันแดดจึงเป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยง
2. แสงสีฟ้า
แสงสีฟ้าจากหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก็เป็นอีกสาเหตุของฝ้า แม้จะไม่รุนแรงเท่าแสงแดด แต่การใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานานก็สามารถทำร้ายผิวได้ ดังนั้น การทาครีมกันแดดในร่มก็เป็นสิ่งที่จำเป็นไม่แพ้กัน
3. ความร้อน
ความร้อนสูงมีผลต่อการเกิดฝ้า โดยเฉพาะในผู้ที่ต้องทำงานใกล้แหล่งความร้อน เช่น เตาอบหรือเตาย่าง ความร้อนจะกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดสี ทำให้ผลิตเมลานินมากเกินไป
4. ยา
ยาบางชนิดสามารถทำให้เกิดฝ้าได้ เช่น ยาคุมกำเนิด ยารักษาสิว หรือยาแก้อักเสบบางประเภท โดยอาจส่งผลต่อการทำงานของเม็ดสี หากสงสัยว่ายาที่ใช้อยู่อาจเป็นสาเหตุของฝ้า ควรปรึกษาแพทย์ที่คลินิกรักษาฝ้าเพื่อหาทางเลือกอื่นที่เหมาะสม
5. ฮอร์โมน
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนมีผลต่อการเกิดฝ้า โดยเฉพาะในช่วงตั้งครรภ์ ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เพิ่มขึ้นจะกระตุ้นการสร้างเมลานิน ทำให้เกิดฝ้าได้ง่าย จึงควรดูแลผิวเป็นพิเศษในช่วงนี้
6. ปัจจัยอื่น ๆ
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจทำให้เกิดฝ้าได้ เช่น ความเครียด มลภาวะ หรือแม้แต่พันธุกรรม จึงควรปรึกษาคลินิกรักษาฝ้าเพื่อหาสาเหตุและการรักษาที่ถูกจุด
สำหรับฝ้านั้น ผลกระทบหลัก ๆ คือทางด้านจิตใจ มากกว่าทางร่างกาย
แม้ฝ้าจะไม่ส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพ แต่ผลกระทบทางจิตใจนั้นไม่ควรมองข้าม หลายคนสูญเสียความมั่นใจ รู้สึกอับอาย และหลีกเลี่ยงการเข้าสังคม ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตโดยรวม การรักษาฝ้าจึงไม่เพียงแต่ช่วยฟื้นฟูผิวพรรณ แต่ยังช่วยเยียวยาจิตใจอีกด้วย

ฝ้ามีกี่แบบ อะไรบ้าง
ก่อนเข้าทำการรักษาที่คลินิกรักษาฝ้า จำเป็นต้องรู้ชนิดของฝ้าก่อนว่าเป็นแบบไหน ลึกแค่ไหน

ฝ้าตื้น
ฝ้าตื้น เป็นฝ้าที่สามารถเห็นขอบเขตฝ้าชัดเจนบนหนังกำพร้า มีลักษณะสีน้ำตาลเข้ม และเนื่องจากเป็นฝ้าที่เกิดบนชั้นผิวหนังกำพร้า หรือผิวชั้นนอก ทำให้รักษาง่ายกว่าฝ้าแบบอื่น
ฝ้าลึก
ฝ้าลึก เป็นฝ้าที่มีสีเทาอ่อน น้ำตาลอ่อน หรืออมม่วง เห็นขอบไม่ชัด เนื่องจากเกิดลึกลงไปบริเวณหนังแท้ เป็นฝ้าที่รักษาให้หายได้ยาก

ฝ้าผสม
บางคนสามารถเป็นทั้งฝ้าลึกและฝ้าตื้น ทำให้เรียกว่าฝ้าผสมนั่นเอง ซึ่งการดูแลรักษาฝ้าแบบนี้ ต้องรักษาด้วยวิธีหลายแบบรวมกัน



โปรแกรมรักษาฝ้า ไม่ใช้ความร้อน MISS Surgery ตามหลักการในการรักษาฝ้า
- ลดการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสี(melanocyte)
ลด melanocyte hyperactivity หรือลดการทำงานเซลล์สร้างเม็ดสีเมลานินที่การทำงานมากผิดปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดฝ้า ตัวยาสามารถเข้าสู่ผิวโดยตรง และลงลึกได้ทุกระดับชั้นผิว ทำให้ลดการทำงานของเม็ดสีได้ทั้งฝ้าตื้น ฝ้าลึก และปัญหาเม็ดสีผิดปกติอื่น ๆได้ - เร่งการกำจัดเม็ดสีเมลานินส่วนเกิน
เมื่อเซลล์ melanocyte ผลิตเม็ดสี melanin ส่วนเกินออกมาแล้ว เม็ดสี melanin จะถูกส่งไปยังเซลล์ keratinocyte ทำให้ผิวหนังกลายเป็นสีน้ำตาลเข้มขึ้นและกลายเป็นรอยโรคฝ้าได้ ดังนั้นจึงต้องเร่งกำจัดเม็ดสีส่วนเกินออกไปจากผิวหนัง ซึ่งการทำเลเซอร์ซึ่งจะทำให้เม็ดสีเมลานินแตกตัวออกเช่นกัน โดยทำให้เม็ดสีเมลานินที่รวมกลุ่มกันอยู่แตกตัวออกเป็นอนุภาคเล็ก ๆ ทำให้ร่างกายสามารถกำจัดเม็ดสีออกได้โดยง่าย แต่ต้องทำด้วยความระมัดระวัง หากทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อผิวหนังมากเกินไปอาจจะทำให้ฝ้าเข้มขึ้นรวมทั้งเกิดรอยดำเพิ่มขึ้นได้ อย่างไรก็ตามโปรแกรม MISS Surgery นี้จะไม่ทำอันตรายกับชั้นผิว ไม่ทำให้ผิวระคายเคืองหรือไวต่อแสงและไม่มีความร้อนไปสะสมใต้ผิว จึงปลอดภัยและลดการเกิดผลข้างเคียงได้ - ป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
การป้องกันโดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นฝ้า เช่น การเลี่ยงแสงแดด ความร้อน ฮอร์โมนและยาบางชนิด เป็นต้น และการป้องกันการกลับเป็นซ้ำของฝ้าโดยการแก้ไขที่ผิวหนังชั้น dermis หรือชั้นหนังแท้นั่นเอง ยับยั้งการทำงานของ Tyrosinase enzyme ซึ่งเป็นเอนไซม์การสร้างเม็ดสี ไม่ให้ไปกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานิน ที่อาจจะทำให้มีความผิดปกติได้ตั้งแต่ต้น รวมถึงลดการทำงานของ VEGF (Vascular Endothelial Growth Factor) ที่เป็นส่วนช่วยกระตุ้นให้หลอดเลือดขยายตัวและเพิ่มกระบวนการอักเสบซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของฝ้าและเส้นเลือดฝอยบนใบหน้าตามมา นอกจากนั้นยังลดการอักเสบผิวและยับยั้งการเกิดเส้นเลือดฝอยใหม่ ที่เป็นต้นเหตุของการเกิดฝ้าใหม่ได้ และยังเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ช่วยแก้ปัญหาผิวแห้งและช่วยเสริมเกราะคุ้มกันให้ผิวได้อีกทางหนึ่ง
โปรแกรมรักษาฝ้า ไม่ใช้ความร้อน MISS Surgery เหมาะสำหรับใคร ?
- ผู้ที่มีปัญหาฝ้า และเม็ดสีผิดปกติ ที่รักษาด้วยวิธีอื่น ๆแล้วไม่ได้ผลที่น่าพึงพอใจ
- ผู้ที่ต้องการรักษาฝ้า ให้ปลอดภัย ลดผลข้างเคียงจากความร้อน
- ผู้ที่มีผิวหน้าบอบบางแพ้ง่าย ไวต่อแสง ผิวอ่อนแอ
- ผู้ที่ไม่สามารถเลี่ยงการสัมผัสแสงแดด แสงยูวีได้
ข้อดีของการรักษาฝ้าแบบ ไม่ใช้ความร้อน MISS Surgery
- ช่วยลดฝ้าชนิดและประเภทต่าง ๆ ได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็น ฝ้าตื้น, ฝ้าลึก, ฝ้าเรื้อรัง, ฝ้าดื้อยา และโรคเม็ดสีผิดปกติบนใบหน้าชนิดอื่น ๆ เช่น รอยดำ รอยแดงจากสิวได้ด้วย
- ปรับสภาพเม็ดสีที่ผิดปกติให้ค่อยๆ สว่างขึ้นฝ้าจางลง โดยจะมีเพียงอาการบวมหลังจากทำ แต่ไม่ส่งผลให้ผิวเกิดอาการอ่อนแอ ไม่ทำให้ผิวบาง ผิวแห้ง ตกสะเก็ดเหมือนกับการรักษาด้วยเลเซอร์
สิ่งสำคัญที่ต้องระลึกถึงเสมอในการรักษาฝ้า ประกอบด้วย
- หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง
- หลีกเลี่ยงการออกแดดจัด และใช้ครีมกันแดดที่เหมาะสมในปริมาณที่เพียงพอ
- การใช้ยาคุมกำเนิด หรือยาฮอร์โมนทดแทน อาจพิจารณาหยุดยา ถ้าเป็นไปได้ เนื่องจากยาทาแต่ละชนิด มีผลข้างเคียงได้ การทายาที่ถูกวิธีในปริมาณที่เหมาะสม จึงมีผลต่อการประสบผลสำเร็จในการรักษา และลดผล
ข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ดังนั้น จึงควรศึกษาวิธีการทายาที่ถูกต้อง ก่อนการใช้ยาแต่ละชนิด กรณีมีคำถามเรื่องการใช้ยา ควรปรึกษาแพทย์ คลินิกรักษาฝ้าหรือเภสัชกร - ไม่ควรซื้อยาทาฝ้าที่ไม่ได้มาตรฐานมาใช้เอง เนื่องจากอาจมีสารที่ก่อให้เกิดอันตรายอย่างถาวรกับผิวได้
- การรักษาที่ถูกวิธีอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ จะเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จ ของการรักษาได้
รีวิวการรักษาฝ้าไม่ใช้ความร้อน MISS Surgery ที่ดอกเตอร์แนทคลินิก (Doctor NAT Clinic)
รีวิวเคสการรักษาฝ้าด้วย MISS Surgery ที่ดอกเตอร์แนทคลินิก






