ทำความรู้จักกับ โบท็อก หัตถการเสริมความงามยอดฮิต

September, 12 2024

/ By หมอแนท พญ.จุฬาภัณฑ์ ราชวงษ์

ทำความรู้จักกับ โบท็อก หัตถการเสริมความงามยอดฮิต

โบท็อกช่วยอะไรได้บ้าง? โบท็อก (Botox) เป็นทางเลือกหัตถการเสริมความงามยอดฮิตสำหรับผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า เป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์เร็วและมีความปลอดภัยสูง ผิวหน้าเยาว์วัยและสดใสขึ้น 

Table of Contents

Doctor NAT Clinic จะพาไปทำความรู้จักกับโบท็อก (Botox) ว่าคืออะไร กระบวนการทำงานเป็นอย่างไร มียี่ห้อไหนบ้าง ตามไปดูกันได้เลยค่ะ

โบท็อก คืออะไร 

โบท็อก (Botox) คือสารพิษโบทูลินัม ชนิด A ที่ผลิตจากแบคทีเรีย Clostridium botulinum เมื่อฉีดเข้าสู่กล้ามเนื้อในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยลดการหดตัวของกล้ามเนื้อ ทำให้ริ้วรอยจางลง ป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ และปรับรูปหน้าให้เรียวได้ นอกจากนี้ โบท็อกยังช่วยรักษาโรคบางชนิด เช่น ปวดไมเกรน เหงื่อออกมากผิดปกติ และออฟฟิศซินโดรมได้อีกด้วย 

กระบวนการทำงานของโบท็อก 

โบท็อก (Botulinum Toxin) เป็นสารพิษที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท โดยจะไปยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาทไปยังกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อไม่สามารถหดตัวได้ตามปกติ ส่งผลให้ริ้วรอยบนใบหน้าลดลง

ฉีดโบท็อกบริเวณไหนได้บ้าง

  • รอยย่นหน้าผาก
  • รอยย่นระหว่างคิ้ว
  • ยกคิ้ว
  • รอยตีนกา
  • รอยย่นจมูก
  • ปีกจมูก
  • กรอบหน้า
  • กราม
  • รักแร้ 

ฉีดโบท็อกแต่ละตำแหน่งใช้กี่ยูนิต

ฉีดโบท็อกแต่ละตำแหน่งใช้กี่ยูนิต
  • รอยย่นหน้าผาก: 15-20 ยูนิต
  • รอยตีนกา: 10-20 ยูนิต 
  • รอยย่นระหว่างคิ้ว: 6-12 ยูนิต
  • กราม: 30-50 ยูนิต
  • กรอบหน้า: 50–100 ยูนิต
  • รักแร้: 100 ยูนิต 

อย่างไรก็ตาม จำนวนยูนิตที่ใช้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลตามแพทย์ประเมิน

โบท็อกอันตรายไหม 

ทราบกันไปแล้วว่าโบท็อกช่วยอะไรได้บ้าง แต่หลายคนคงจะสงสัยด้วยว่าโบท็อกอันตรายไหม? จริง ๆ แล้วโบท็อกมีความปลอดภัยสูงเมื่อใช้อย่างถูกวิธีและฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ในปัจจุบันก็มีโบท็อกปลอมมากมาย แนะนำให้ระวัง และเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือในการเข้ารับบริการ

โบท็อกมีกี่ยี่ห้อ อะไรบ้าง

โบท็อกที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประเทศไทย มีหลายยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติและความเข้มข้นแตกต่างกัน 

1. Allergan จากประเทศอเมริกา

Allergan ผลิตโดยบริษัท Allergan จากสหรัฐอเมริกา มีความบริสุทธิ์สูงมากถึง 99.5% และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ยากระจายตัวแคบ เหมาะสำหรับการลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า และรักษาอาการทางการแพทย์ เช่น ไมเกรน เหงื่อออกมากผิดปกติ

  • ราคาประมาณ 16,000 – 20,000 บาท
  • อยู่ได้นาน 5-6 เดือน

2. Xeomin จากประเทศเยอรมัน

Xeomin ผลิตโดยบริษัท MERZ PHARMA GMBH & CO. KGaA จากเยอรมนี มีความบริสุทธิ์สูงสุด และไม่มีการปนเปื้อนของโปรตีน ยากระจายตัวดี เหมาะสำหรับการฉีดริ้วรอย ปรับรูปหน้า ลดกราม และผู้ที่ใช้โบท็อกเป็นประจำ มีอาการดื้อหรือแพ้โบท็อกยี่ห้ออื่น

  • ราคาประมาณ 15,000 – 20,000 บาท
  • อยู่ได้นาน 4-6 เดือน

3. Dysport จากประเทศอังกฤษ

Dysport ผลิตโดยบริษัท Ipsen Biopharm จากประเทศอังกฤษ มีโมเลกุลเล็กกว่าโบท็อก Allergan ทำให้กระจายตัวได้ดีและครอบคลุมพื้นที่กว้างกว่า เหมาะสำหรับการรักษาบริเวณที่ไม่ตึงเกินไป เช่น รอยย่นรอบดวงตา ระหว่างคิ้ว เป็นต้น

  • ราคาประมาณ 16,000 – 20,000 บาท
  • อยู่ได้นาน 4-6 เดือน

4. Nabota จากประเทศเกาหลี

Nabota ผลิตโดยบริษัท Daewoong Pharmaceutical จากเกาหลีใต้ มีความบริสุทธิ์สูง 98.7% ออกฤทธิ์ไว ให้ผลลัพธ์หลังฉีดอย่างเป็นธรรมชาติ โบท็อกราคาไม่แพง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดีในราคาที่ย่อมเยากว่า

  • ราคาประมาณ 7,000 – 9,000 บาท
  • อยู่ได้นาน 4-6 เดือน

5. Neuronox จากประเทศเกาหลี

Neuronox ผลิตโดยบริษัท Medytox จากเกาหลีใต้ มีความบริสุทธิ์สูง 98-99% แต่ราคาถูกกว่า ให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอย ปรับหน้าเรียว แต่มีงบประมาณจำกัด

  • ราคาประมาณ 7,000 – 9,000 บาท
  • อยู่ได้นาน 4-6 เดือน

6. Aestox จากประเทศเกาหลี

Aestox ผลิตโดยบริษัท Hugel จากเกาหลีใต้ เป็นโบท็อกที่มีความบริสุทธิ์สูง 99.5% ออกฤทธิ์ค่อนข้างไว และมีประสิทธิภาพดี เหมาะสำหรับการลดเลือนริ้วรอยใต้ตา ลิฟกรอบหน้า ไปจนถึงเหงื่อออกมากผิดปกติ

  • ราคาประมาณ 7,000 – 9,000 บาท
  • อยู่ได้นาน 4-5 เดือน

7. Botulax จากประเทศเกาหลี

Botulax จากเกาหลีใต้ เป็นโบท็อกที่สามารถยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อได้ดี มีความบริสุทธิ์สูง 99.5% ถึง แต่ราคาถูกกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยแต่มีงบประมาณจำกัด ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและอยู่ได้นาน

  • ราคาประมาณ 6,000 – 9,000 บาท
  • อยู่ได้นาน 6-8 เดือน

8. HUGEL จากประเทศเกาหลี

HUGEL ผลิตโดยบริษัท Hugel จากเกาหลีใต้ เป็นโบท็อกที่มีความบริสุทธิ์สูงและให้ผลลัพธ์ที่ดี เหมาะสำหรับการลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า มีราคาที่ย่อมเยา

  • ราคาประมาณ 6,000 – 8,000 บาท
  • อยู่ได้นาน 4-6 เดือน

9. CLODEW จากประเทศเกาหลี

CLODEW ผลิตโดยบริษัท Daewoong Pharmaceutical จากเกาหลีใต้ เป็นโบท็อกที่มีเทคนิคเฉพาะ Double V Lifting และราคาไม่แพง ออกฤทธิ์ไว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฉีดลดกราม ริ้วรอย ยกกระชับ เป็นต้น

  • ราคาประมาณ 5,000 – 7,000 บาท
  • อยู่ได้นาน 4-6 เดือน

10. BTXA จากฮ่องกง

BTXA ผลิตโดยบริษัท Lanzhou Biotechnique Development จากฮ่องกง มีความบริสุทธิ์สูง 99.5% เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอย ลิฟกรอบหน้า ลดกราม ออกฤทธิ์นาน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และปัจจัยอื่น ๆ ด้วย

  • ราคาประมาณ 6,000 – 10,000 บาท
  • อยู่ได้นาน 4-6 เดือน

การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อก

  • งดใช้ยาต้านการอักเสบและยาละลายลิ่มเลือด 1 สัปดาห์ก่อนฉีด
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนฉีด
  • แจ้งแพทย์หากมีโรคประจำตัว มีประวัติของโรคเริมบริเวณฝีปากหรือกำลังตั้งครรภ์
  • งดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ AHA วิตามิน A สครับหน้า 1-2 วันก่อนฉีด
  • พักผ่อนและดื่มน้ำให้เพียงพอก่อนวันฉีด

ข้อปฏิบัติหลังฉีดโบท็อก

  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักเป็นเวลา 24 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงการนอนราบหรือนอนตะแคงเป็นเวลา 4 ชั่วโมง
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
  • งดการสัมผัสหรือถูบริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 2-3 วัน
  • หลีกเลี่ยงแสงแดด หรืออาบแดด และซาวน่า
  • รอผลลัพธ์หลังฉีดประมาณ 10–14 วัน

โบท็อกเห็นผลกี่วัน

โบท็อกเริ่มออกฤทธิ์หลังฉีดประมาณ 2-7 วัน โดยจะเห็นผลชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์ ริ้วรอยจะค่อย ๆ จางลง ใบหน้ากระชับ อ่อนเยาว์ขึ้น ทั้งนี้ ผลลัพธ์ที่ได้จะแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสภาพผิว ปริมาณโบท็อกที่ใช้ และการดูแลตัวเอง หากต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการฉีดโบท็อกที่เหมาะสม

โบท็อกอยู่ได้นานกี่เดือน

โดยทั่วไป ฤทธิ์ของโบท็อกจะอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ชนิดของโบท็อก ปริมาณที่ใช้ ตำแหน่งที่ฉีด และการตอบสนองของร่างกายแต่ละบุคคล บางคนอาจเห็นผลนานถึง 8 เดือน ในขณะที่บางคนอาจต้องฉีดซ้ำเร็วกว่า เพื่อรักษาผลลัพธ์ที่ต่อเนื่อง แนะนำว่าให้ฉีดซ้ำทุก 6 เดือน หรือตามคำแนะนำของแพทย์จะดีที่สุด

เพราะอะไร ฉีดโบท็อกแล้วไม่เห็นผล

การฉีดโบท็อกแล้วไม่เห็นผลอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ใช้โบท็อกที่ไม่มีคุณภาพ ฉีดในปริมาณที่น้อยเกินไป ใช้เทคนิคไม่ถูกต้อง หรือผู้รับการรักษาดื้อโบท็อก นอกจากนี้ ในบางกรณี ริ้วรอยอาจเกิดจากปัญหาผิวหนังมากกว่ากล้ามเนื้อ ทำให้โบท็อกไม่สามารถแก้ไขได้ทั้งหมด หากไม่เห็นผลหลังฉีดใน 2 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและแก้ไข

ผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นหลังฉีดโบท็อก

  • รอยช้ำหรือบวมบริเวณที่ฉีด
  • อาการเจ็บปวดบริเวณที่ฉีด
  • อาการตึงหลังฉีด

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นหลังฉีดโบท็อก

  • มุมปากหย่อน : การฉีดลดรอยตีนกา ถ้าฉีดลึกเกินไป ยาอาจซึมเข้ากล้ามเนื้อ Zygomaticus ได้ ทำให้ริมฝีปากบนห้อยลงมา
  • ใบหน้าไม่สมมาตร : หลังจากการฉีดโบท็อกกราม อาจเกิดจากกล้ามเนื้อกราม หรือกระดูกที่มีขนาดไม่เท่ากัน
  • ตาแห้ง : การสร้างน้ำตาลดลงเมื่อมีการฉีดโบท็อกเข้าต่อมน้ำตา 
  • หนังตาตก : หลังจากฉีกโบท็อกริ้วรอยที่หน้าผาก อาจจะทำให้หนังตาตกได้ แต่ส่วนมากจะหายเองใน 2-4 สัปดาห์ แต่หากไม่ดีขึ้น หรือหนังตาตกอย่างรุนแรง แนะนำให้พบแพทย์

การฉีดโบท็อก ไม่เหมาะกับใคร

  • สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร
  • ผู้ที่มีโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง 
  • ผู้ที่มีการติดเชื้อบริเวณที่จะฉีด
  • ผู้ที่มีปัญหาการแข็งตัวของเลือด
  • ผู้ที่มีโรคผิวหนังบริเวณที่จะฉีด

เลือกคลินิกเสริมความงามอย่างไรให้ปลอดภัย

  • ตรวจสอบใบอนุญาตของคลินิก
  • แพทย์ผู้ให้บริการต้องมีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม
  • คลินิกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจาก อย.
  • มีเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สะอาด ได้มาตรฐาน
  • มีการอธิบายขั้นตอน ผลข้างเคียง และการดูแลหลังทำอย่างละเอียด
  • มีประวัติการให้บริการที่ดี และมีความน่าเชื่อถือ

สรุปแล้ว โบท็อกช่วยอะไรได้บ้าง? นอกจากการลดเลือนริ้วรอย ลดกราม ปรับรูปหน้าแล้ว โบท็อกยังสามารถช่วยในการรักษาอาการทางการแพทย์หลายอย่าง เช่น ไมเกรน เหงื่อออกมากผิดปกติ และโรคกล้ามเนื้อบางชนิดอีกด้วย ก่อนทำ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้โบท็อก ทั้งในแง่ความงามและการรักษา

ฉีดโบท็อกที่ดอกเตอร์แนทคลินิก (Doctor NAT Clinic)

ที่ดอกเตอร์แนทคลินิก (Doctor NAT Clinic) เรามีโปรแกรมโบท็อก MBO Program (Micro-scan Botulinum Toxin) ไม่ว่าจะเป็นโบท็อกริ้วรอย โบท็อกกราม และโบท็อกลิฟกรอบหน้า ที่จะช่วยปรับรูปหน้าของคุณให้ดูดีขึ้น ลดความหย่อนคล้อย ด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูง พร้อมดูแลคุณอย่างใกล้ชิด แพทย์จะประเมินและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด โดยเริ่มจากการทำอัลตราซาวด์ หรือ Facial Ultrasound ก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อให้เห็นถึงโครงสร้างของใบหน้า ชั้นผิว เส้นเลือด รวมถึงเส้นประสาท ทำให้การรักษาได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เห็นผลภายใน 1-2 สัปดาห์ และอยู่ได้นาน 4-6 เดือน ในราคาเริ่มต้นที่ 9,990 บาทเท่านั้น!

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

 เลือกทรงปากให้เหมาะกับใบหน้ายังไงดี?

รวม 9 ทรงปากสวยยอดฮิต พร้อมเทคนิคเลือกให้เข้ากับรูปหน้า ทั้งสไตล์เกาหลีและสายฝอ เพื่อริมฝีปากสวย ดูเป็นธรรมชาติ ถ้าพร้อมแล้ว ตามไปดูกันเลย!

รวมวิธีบอกลาใต้ตาดำ หมีแพนด้า เผยตาสดใส

รวม 6 วิธีแก้ใต้ตาดำด้วยตัวเองที่ทำง่ายๆ ได้ที่บ้าน พร้อมทางเลือกฟิลเลอร์ใต้ตาแบบเร่งด่วน เผยความลับสู่ผิวใต้ตาสดใส ไร้รอยคล้ำ อ่านเลย!”

ไขคำตอบ ฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน  ขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง

ไขข้อสงสัย ฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน พร้อมปัจจัยที่ส่งผลต่อความคงทน ทั้งชนิดฟิลเลอร์ ตำแหน่งฉีด และการดูแลหลังฉีด เรียนรู้วิธีดูแลตัวเองเพื่อยืดอายุฟิลเลอร์

เลือกช่องทางปรึกษาปัญหาผิวได้เลยค่ะ

Facebook Dr. NAT
Line Dr.NAT
เบอร์ Dr. NAT
Tik Tok Dr. NAT