ตอบข้อสงสัย เรตินอลรักษาหลุมสิวได้ไหม ใช้วิธีอะไรดี ?

September, 2 2025

/ By Doctor NAT Clinic

เรตินอลเป็นตัวช่วยยอดนิยมในการดูแลผิวและลดรอยสิว แต่ถ้าเป็น “หลุมสิว” หลายคนอาจสงสัยว่าเรตินอลจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ผลลัพธ์จากการใช้เรตินอลมักต่างกันไปในแต่ละคน บทความนี้จะขอพาไปทำความเข้าใจว่า เรตินอลเหมาะกับหลุมสิวประเภทไหนบ้าง และในกรณีใดที่ควรพิจารณาแนวทางการรักษาแบบอื่น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจมากกว่า

Table of Contents

เรตินอลคืออะไร และช่วยรักษาหลุมสิวได้อย่างไร ?

เรตินอล (Retinol) เป็นสารในกลุ่มอนุพันธ์ของวิตามินเอ (Topical Retinoids) ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในการดูแลผิวหน้า โดยเฉพาะในเรื่องของการผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตันของรูขุมขน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้สามารถช่วยลดเลือนรอยสิว รวมถึงดูแล หลุมสิวตื้น ๆ ได้ในระดับหนึ่ง

รูปแบบของเรตินอล

เรตินอล (Retinol)

  • เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอ ใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เช่น ครีม เซรั่ม เจล โลชั่น
  • มีความเข้มข้นตั้งแต่ 0.0015% ถึง 0.3%
  • ใช้เพื่อช่วยลดริ้วรอย รอยดำ สิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ดูแลหลุมสิวชนิดตื้นได้
  • เป็นรูปแบบที่อ่อนโยนที่สุด เหมาะสำหรับกับผู้เริ่มต้น สามารถหาซื้อได้ทั่วไปโดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์
  • ตัวอย่างแบรนด์ที่ได้รับความนิยม เช่น COSRX The Retinol 0.1 Cream, La Roche-Posay Retinol B3 Serum หรือ Olay Regenerist Retinol 24 Max Night Serum เป็นต้น

Tretinoin (เรตินเอ, Retin-A)

  • กรดเรติโนอิก (Retinoic acid) ซึ่งเป็นรูปแบบของยาเรตินอยด์ที่ออกฤทธิ์แรง
  • ใช้รักษาสิว ฝ้า ลดริ้วรอย และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ฟื้นฟูหลุมสิวได้ แต่ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น
  • มีผลข้างเคียงมากกว่าเรตินอล เช่น อาจทำให้เกิดการระคายเคือง ผิวแห้ง ลอก แดง
  • ตัวอย่างชื่อการค้า เช่น Retin-A, Renova และ Retacnyl เป็นต้น

Isotretinoin (ไอโซเทรติโนอิน)

  • เป็นเรตินอยด์ชนิดรับประทาน ใช้รักษาสิวรุนแรงและโรคบางชนิด
  • ต้องได้รับใบสั่งแพทย์และควบคุมการใช้อย่างเข้มงวด 
  • ตัวอย่างชื่อการค้า เช่น Accutane, Roaccutane, Absorica และ Claravis

ประโยชน์ของเรตินอลต่อปัญหาหลุมสิว

เรตินอล (Retinol) เป็นสารในกลุ่มวิตามินเอที่มีบทบาทในการดูแลผิวหลากหลายด้าน โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาผิวไม่เรียบเนียนจากหลุมสิว แม้ว่าเรตินอลจะไม่สามารถรักษาหลุมสิวลึกหรือหลุมที่มีพังผืดรั้งใต้ผิวได้โดยตรง แต่หากใช้เป็นประจำและต่อเนื่อง อาจช่วยให้ผิวโดยรวมดูเรียบเนียนขึ้นในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะในกรณีของหลุมสิวตื้นหรือผิวที่ยังมีการฟื้นตัวหลังสิวอักเสบ

ประโยชน์หลักที่เกี่ยวข้องกับการดูแลหลุมสิว ได้แก่

  •  กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ซึ่งช่วยเสริมความแน่นของชั้นผิว ทำให้ผิวดูเรียบขึ้น
  •  ลดความลึกของรอยหลุมตื้น ๆ เมื่อใช้อย่างสม่ำเสมอร่วมกับการดูแลผิวอย่างเหมาะสม
  •  ช่วยลดเลือนจุดด่างดำและรอยแดง ที่มักเกิดร่วมกับหลุมสิว
  •  ปรับผิวให้ดูสม่ำเสมอขึ้น ส่งผลให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนมากขึ้น

ข้อควรระวังในการใช้เรตินอล

  • อาจทำให้ผิวลอก แดง แสบในช่วงเริ่มต้น โดยเฉพาะคนผิวบาง
  • ควรเริ่มใช้จากความเข้มข้นต่ำ (เช่น 0.025%) และเพิ่มความถี่อย่างค่อยเป็นค่อยไป 
  • ในกรณีที่ใช้ในรูปแบบของ “ยา” ที่เป็นประเภทTretinoin (เรตินเอ, Retin-A) ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มใช้ทุกครั้ง
  • ห้ามใช้ร่วมกับ AHA, BHA หรือวิตามินซีความเข้มข้นสูงในช่วงเริ่มต้น
  • หลีกเลี่ยงการใช้ระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตร

ผลข้างเคียงจากการใช้เรตินอล ที่อาจทำให้เกิดหลุมสิวและฝ้า

  • เกิดการระคายเคืองและผิวแห้งลอก: เรตินอลจะไปเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิว (exfoliation) ถ้าหากไม่ดูแลให้เหมาะสม ผิวหนังบางลงและอาจเกิดการอักเสบทำให้เป็นหลุมสิวได้ง่ายขึ้น
  • เกิดการดันสิว (Purging): เพราะเรตินอลจะช่วยทำให้สิวที่อุดตันใต้ผิวถูกดันขึ้นมาในช่วง 2-4 สัปดาห์แรก อาจทำให้เกิดสิวเพิ่มขึ้นชั่วคราว และในบางกรณีอาจรุนแรงขึ้นจนเกิดหลุมสิวถาวรหากมีการอักเสบมาก
  • ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น: หากไม่ได้ป้องกันด้วยการทาครีมกันแดดอย่างเคร่งครัด อาจเกิดฝ้าและจุดด่างดำมากขึ้น เนื่องจากรังสียูวีทำลายเม็ดสีและเส้นเลือดใต้ผิว

เลือกช่องทางปรึกษาปัญหาผิวได้เลยค่ะ

Facebook Dr. NAT
Line Dr.NAT
เบอร์ Dr. NAT
Tik Tok Dr. NAT

ข้อแนะนำการใช้อย่างปลอดภัย

  • ทาเฉพาะกลางคืน และต้องทาครีมกันแดดตอนกลางวันอย่างเคร่งครัด
  • ควรใช้ร่วมกับมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อช่วยลดการระคายเคืองของผิว
  • ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ในกรณีมีผิวบอบบาง แพ้ง่าย หรือเป็นสิวอักเสบรุนแรง
ผู้ชายที่เป็นหลุมสิวก่อนการรักษาด้วยโปรแกรม MASS Surgery

รู้จักประเภทของหลุมสิว เพื่อวางแผนการรักษาได้ตรงจุด

ก่อนเริ่มต้นควรทำความเข้าใจประเภทและลักษณะของหลุมสิว เพื่อเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม เพราะหลุมสิวในแต่ละประเภทมีลักษณะและวิธีการรักษาที่แตกต่างกันไป ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว หลุมสิวสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้ 

หลุมสิวแบบ Ice Pick Scar หรือหลุมจิก

หลุมสิวแบบ Ice Pick Scar หรือหลุมจิก เป็นหนึ่งในประเภทของหลุมสิวที่พบได้บ่อย โดยมีลักษณะเฉพาะคือ เป็นหลุมขนาดเล็กแต่ลึก ปากหลุมมีลักษณะแคบ เส้นผ่านศูนย์กลางมักไม่เกิน 2 มิลลิเมตร และมีลักษณะคล้ายรูเข็มที่เจาะลงไปในผิวอย่างชัดเจน หลุมมักลึกจนถึงชั้นหนังแท้ หรือในบางรายอาจลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง โดยส่วนมากมักเกิดจากสิวอักเสบรุนแรง เช่น สิวหัวช้างหรือสิวซีสต์ที่ทำลายเนื้อเยื่อผิวหนังชั้นลึก พบได้บ่อยในบริเวณแก้ม หน้าผาก จมูก หรือคาง

หลุมสิวแบบ Boxcar Scar หรือหลุมกล่อง

หลุมสิวแบบ Boxcar Scar หรือหลุมกล่อง หลุมสิวประเภทนี้มีลักษณะเป็นขอบหลุมชัดเจน รูปร่างคล้ายกล่องสี่เหลี่ยม ขอบหลุมจะตั้งฉากกับผิวหนังและมักมีความลึกระดับตื้นถึงปานกลาง เกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนหลังจากการอักเสบของสิว โดยเฉพาะสิวอักเสบหรือสิวหัวช้าง พบได้บ่อยในบริเวณแก้มและกราม

หลุมสิวแบบ Rolling Scar หรือหลุมคลื่น

หลุมสิวแบบ Rolling Scar หรือหลุมคลื่น  ลักษณะหลุมเป็นแอ่งกว้าง ตื้น ขอบไม่ชัดเจน มักดูคล้ายคลื่นหรือผิวไม่เรียบบนใบหน้า หลุมสิวประเภทนี้มักเกิดจากการอักเสบเรื้อรังของสิว ทำให้กลายเป็นพังผืดใต้ผิว จนดึงผิวให้ยุบตัวลง ส่งผลให้ผิวไม่เรียบและมีลักษณะเป็นหลุมตื้น ๆ โดยส่วนมากจะพบในบริเวณแก้ม

เมื่อไหร่ควรเลือกหัตถการแทนการใช้เรตินอล ?

หากคุณพบว่าการใช้เรตินอลไม่ได้ผล เพราะความลึกของหลุมสิวไม่มีการเปลี่ยนแปลง อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า เรตินอลไม่ตอบโจทย์ต่อลักษณะของหลุมสิว จึงควรเลือกใช้หัตถการทางการแพทย์ในการรักษาแทน โดยในปัจจุบันก็มีหลากหลายวิธี ยกตัวอย่างเช่น

  • การตัดพังผืดใต้หลุมสิว (Subcision): เหมาะสำหรับหลุมสิวแบบ Rolling Scar และ Boxcar Scar ที่มีพังผืดใต้ผิว ซึ่งทำให้ผิวไม่เรียบเนียนและยุบตัวได้ยาก
  • Microneedling / Dermapen: กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในหลุมสิวตื้น-ปานกลาง ช่วยเติมเต็มผิวและทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น
  • TCA CROSS: เหมาะกับหลุมสิวแบบ Ice Pick Scar ที่หัตถการแบบอื่น ๆ ไม่สามารถเจาะลึกลงไปได้
  • Fractional Laser / RF Microneedling: ใช้เทคโนโลยีที่ช่วยกระตุ้นเซลล์ผิวและเติมเต็มโครงสร้างผิว

หมายเหตุ: การเลือกหัตถการจะขึ้นอยู่กับประเภทของหลุมสิวและสภาพผิวของแต่ละคน ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด

รักษาหลุมสิวลึกเรื้อรังแบบองค์รวมที่ ดอกเตอร์แนทคลินิก

โปรแกรม MASS Surgery ช่วยรักษาหลุมสิว

หลุมสิวที่ลึกและเป็นมานาน มักมีพังผืดหรือพังผืดเรื้อรังที่ยึดรั้งโครงสร้างผิวไว้ในระดับลึก ทำให้การรักษาแบบทั่วไป เช่น การใช้เลเซอร์เพียงอย่างเดียว อาจไม่สามารถเข้าถึงต้นตอของปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โปรแกรม MASS Surgery ศัลยกรรมหลุมสิว กวาดตัดพังผืด 3 ชั้น คือแนวทางการรักษาที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับหลุมสิวทุกประเภท ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล สามารถกวาดตัดพังผืดใต้ผิวหลุมสิวที่ลึกกว่าหลุมสิวทั่วไปถึง 3 ชั้น พร้อมปลดปล่อยพังผืดที่ดึงรั้งผิวและทำให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น

โปรแกรม MASS Surgery ศัลยกรรมหลุมสิว กวาดตัดพังผืด 3 ชั้น

โปรแกรม MASS Surgery ที่ ดอกเตอร์แนทคลินิก ใช้เทคนิคการศัลยกรรมหลุมสิว กวาดตัดพังผืด 3 ชั้น ที่ลงลึกและละเอียดกว่าการ Subcision แบบเดิม ๆ พร้อมบอกลาหลุมสิว ด้วยการรักษาที่จัดการตรงจุดของปัญหา โดยมีความพิเศษ ดังนี้

  • ขยายชั้นพังผืด 3 ชั้น โดยการเตรียมผิวคนไข้ให้พร้อมก่อนการตัดพังผืดด้วยโปรแกรม TF Expansion ขยายพังผืด 3 ชั้น เพื่อให้กระบวนการกวาดตัดพังผืดมีประสิทธิภาพ
  • การตัดพังผืด 3 ชั้น: แตกต่างจากการ Subcision แบบทั่วไปที่มักตัดพังผืดเพียงชั้นตื้น โปรแกรม MASS Surgery พัฒนาวิธีการตัดพังผืดในระดับลึกถึง 3 ชั้น ในแนวราบ เพื่อให้ครอบคลุมโครงสร้างผิวที่ยึดรั้งก้นหลุมสิวอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับหลุมสิวประเภทลึกหรือมีพังผืดหนาแน่น
  • กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ในทุกชั้นของผิว สร้างคอลลาเจนกั้นพังผืดใต้ชั้นผิว ในขั้นตอนนี้ แพทย์จะทำการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนด้วย Sanwich techique เข้าไปในบริเวณที่กวาดตัดพังผืด เพื่อสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ค้ำยันใต้ผิว และช่วยลดโอกาสที่พังผืดจะเกิดขึ้นซ้ำ และหลุมสิวจะฟูแน่น ผิวเฟิร์ม ระยะยาว

เลือกช่องทางปรึกษาปัญหาผิวได้เลยค่ะ

Facebook Dr. NAT
Line Dr.NAT
เบอร์ Dr. NAT
Tik Tok Dr. NAT

ข้อดีของโปรแกรม MASS Surgery

  • เร่งสร้างเซลล์ผิวใหม่จากภายใน โดยทำการซ่อมแซมผิวหนังที่ผ่านการตัดพังผืด ด้วยการผลิตคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวเต่งตึงและยกตัวขึ้น
  • ไม่ใช้พลังงานความร้อนที่ทำร้ายเซลล์ผิว จึงเหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย และทุกสภาพผิว
  • ไม่มีการตกสะเก็ด เพราะเป็นการรักษาใต้ผิวหนัง จึงไม่เกิดแผลภายนอก
  • ไม่ต้องตัดไหม เนื่องจากเป็นการรักษาด้วยการใช้เครื่องมือขนาดเล็กในการตัดพังผืด จึงไม่ต้องเย็บแผล
  • ไม่แสบร้อนผิว ไม่ตกสะเก็ด สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันทีหลังทำ อาจมีอาการบวมเล็กน้อยใน 3-5 วันแรกเท่านั้น

โปรแกรม MASS Surgery เหมาะกับใคร ?

โปรแกรม MASS Surgery เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว และกำลังมองหาการรักษาที่มอบผลลัพธ์ที่รวดเร็วและยั่งยืนโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน มีผลข้างเคียงน้อย ดังนี้

  • ผู้ที่มีหลุมสิวลึก ไม่ตอบสนองต่อการใช้ครีมบำรุงหรือเรตินอล
  • ผู้ที่มีหลุมสิวจากพังผืดใต้ผิว ที่มีการดึงรั้งผิว ทำให้ผิวยุบตัว เป็นหลุมสิวเรื้อรัง
  • ผู้ที่ต้องการรักษาหลุมสิวถาวร ไม่ต้องการการรักษาระยะยาวที่พึ่งพายาหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ

บอกลาหลุมสิวทุกประเภท ด้วยโปรแกรม MASS Surgery ที่ ดอกเตอร์แนทคลินิก

หลุมสิวลึกเรื้อรังไม่ตอบสนองต่อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือเรตินอล อาจต้องการแนวทางการรักษาที่ลึกถึงโครงสร้างของผิว ขอแนะนำให้เข้ารับคำปรึกษาที่ ดอกเตอร์แนทคลินิกเพื่อวิเคราะห์ลักษณะหลุมสิว และวางแผนการรักษาด้วยโปรแกรม MASS Surgery ซึ่งได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวเรื้อรัง ที่เคยรักษามาแล้วหลายวิธีแต่ยังไม่เห็นผล
สอบถามเพิ่มเติม หรือปรึกษาหมอแนทที่ Line : @doctornat หรือ โทร. 097-9749944

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

เรตินอล เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอที่ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ซึ่งช่วยให้รอยหลุมสิวตื้นลงได้ในบางกรณี โดยเฉพาะหลุมสิวที่ตื้น ทั้งแบบ Rolling scar (หลุมคลื่น) หรือ Shallow boxcar scars (หลุมกล่องแบบตื้น) แต่จะไม่สามารถรักษาหลุมสิวที่ลึกมากหรือหลุมสิวที่มีพังผืดใต้ผิวได้
เรตินอลเหมาะสำหรับการรักษาหลุมสิวแบบตื้น เช่น Rolling Scar(หลุมคลื่น) และ Shallow boxcar Scar (หลุมกล่องแบบตื้น) แต่เรตินอลไม่สามารถรักษาหลุมสิวลึกได้โดยตรง โดยเฉพาะ Ice pick scar (หลุมจิก) หรือ Deep boxcar scar (หลุมกล่องแบบลึก) เนื่องจากลักษณะของรอยโรคมีพังผืดที่ยึดผิวลงไปยังชั้นลึกของ dermis หรือ subcutis จำเป็นต้องใช้เทคนิคการรักษาที่สามารถ “ปลดพังผืด” ได้โดยตรง การตัดพังผืด เช่น โปรแกรม MASS Surgery ,การทำ Subcision, การทำเลเซอร์ เช่น Fractional Laser หรือ RF Microneedling
การใช้เรตินอลสามารถก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น ผิวลอก แดง หรือแสบ โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นหรือในผู้ที่มีผิวบอบบาง จึงควรเริ่มจากความเข้มข้นต่ำ เช่น 0.025% ทาวันเว้นวัน และเพิ่มความถี่ตามความเหมาะสม ใช้เฉพาะกลางคืน และควรใช้ร่วมกับมอยส์เจอไรเซอร์ รวมถึงทาครีมกันแดดตอนเช้าอย่างสม่ำเสมอ ที่สำคัญควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มใช้ยา เพื่อความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดี
อาการที่พบได้บ่อยคือผิวแห้ง แดง ลอก แสบ หรือไวต่อแสง (photosensitivity) โดยเฉพาะในระยะเริ่มต้น แนะนำให้เลี่ยงการใช้ร่วมกับ AHA, BHA หรือวิตามินซีในช่วงแรกเพื่อลดการระคายเคือง และควรหลีกเลี่ยงในผู้ที่มีผิวบางหรือมีโรคผิวหนังพื้นฐาน เช่น atopic dermatitis
หากใช้เรตินอลแล้วหลุมสิวยังไม่ดีขึ้น หรือหลุมสิวยังลึกอยู่ อาจจำเป็นต้องใช้วิธีการรักษาอื่น เช่น โปรแกรม MASS Surgery ที่ช่วยตัดพังผืดใต้ผิวลึกถึง 3 ชั้น สามารถรักษาหลุมสิวได้ถึงต้นตอของปัญหา ไร้แผล และมีประสิทธิภาพ เพื่อผลลัพธ์ผิวเรียบเนียนอย่างยั่งยืน

ข้อมูลอ้างอิง :

  1. What to Know About Ice Pick Scars. สืบค้นเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/acne/what-to-know-about-ice-pick-scars
  2. What to Know About Boxcar Scars. สืบค้นเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/acne/what-to-know-about-boxcar-scars
  3. What to Know About Rolling Scars. สืบค้นเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/acne/what-to-know-about-rolling-scars

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

เลือกช่องทางปรึกษาปัญหาผิวได้เลยค่ะ

Facebook Dr. NAT
Line Dr.NAT
เบอร์ Dr. NAT
Tik Tok Dr. NAT