หลุมสิว เกิดขึ้นได้อย่างไร
สาเหตุการเกิดหลุมสิว (Atrophic Scars) ส่วนใหญ่เกิดจากการดูแลรักษาสิวที่ไม่ถูกวิธี ทำให้กระบวนการซ่อมแซมผิวที่ไม่สมบูรณ์หลังจากการอักเสบของสิว โดยเฉพาะสิวที่มีการอักเสบรุนแรง เช่น สิวหัวช้าง สิวอักเสบ สิวติดเชื้อแบคทีเรีย
เมื่อสิวเหล่านี้อักเสบลึกลงไปในชั้นผิว ร่างกายจะพยายามซ่อมแซมด้วยการสร้างคอลลาเจนใหม่ อย่างไรก็ตามหากกระบวนการนี้ไม่สมดุล อาจทำให้เกิดการยุบตัวของผิวและเกิดหลุมสิว ชนิดต่าง ๆ เช่น Ice pick, Boxcar หรือ Rolling scars
นอกจากนี้ พฤติกรรมที่ทำร้ายผิว เช่น การบีบหรือกดสิว ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดหลุมสิว ได้เช่นกัน การบีบสิวอาจทำให้แบคทีเรียและสิ่งสกปรกแพร่กระจายเข้าสู่เนื้อเยื่อรอบ ๆ ส่งผลให้เกิดการอักเสบที่ลึกและรุนแรงขึ้น ทำให้การฟื้นฟูผิวเป็นไปได้ยาก และเพิ่มโอกาสการเกิดหลุมสิว ปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อการเกิดหลุมสิว ได้แก่ การผลิตคอลลาเจนที่ไม่สมดุล, พันธุกรรม, ฮอร์โมน, และการดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม การเข้าใจสาเหตุเหล่านี้จะช่วยให้สามารถเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธภาพในการฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียนอีกครั้ง ที่มา : https://www.aad.org/public/diseases/acne/derm-treat/scars/causes
หลุมสิวมีกี่แบบ รักษายากมั้ย?
Ice Pick Scar ( หลุมสิวแบบจิก )เป็นหลุมสิวที่ลึกที่สุด แคบแต่ลึก ก้นหลุมสิวแหลมคล้ายกรวย รอยหลุมจิกลงไปเห็นขอบชัด เกิดจากการกดหรือบีบสิวอุดตัน เป็นหลุมสิวที่รักษายากที่สุด
Box Scar ( หลุมสิวแบบกล่อง )เป็นหลุมสิวระดับปานกลาง เกิดจากสิวอักเสบหรืออีสุกอีใส ก้นหลุมสิวจะตื้นกว่าแบบจิกปากหลุมสิวเป็นสี่เหลี่ยมคล้ายกล่อง เห็นขอบหลุมสิวชัดเจน
Rolling Scar ( หลุมสิวแอ่งกระทะ )หลุมสิวแอ่งกระทะ ส่วนใหญ่เกิดจากการแกะสิว เป็นหลุมสิวที่ตื้นที่สุด ลักษณะของหลุมสิวจะเป็นการยุบตัวของผิวชั้นบนเพียงเล็กน้อย มีลักษณะคล้ายก้นกระทะ ที่มา : กรมการแพทย์ สถาบันโรคผิวหนัง แพทย์ผิวหนังแนะวิธีการรักษาแผลเป็นหลุมสิว https://www.dms.go.th/Content/Select_Landding_page?contentId=30946&fbclid=IwAR1P1f0FJdoVM
การรักษาหลุมสิว ต้องเลือกให้เหมาะกับชนิด และความรุนแรง ของหลุมสิว
ซึ่งบางคนอาจมีหลุมสิวมากกว่าหนึ่งประเภท ที่สำคัญหลุมสิว มีระดับความตื้น-ลึก ที่ความแตกต่างกัน ส่งผลต่อการเลือกวิธีรักษาหลุมสิว และระยะเวลา เห็นผลค่ะทั้งนี้แพทย์จะพิจารณาการรักษาจากปัญหาและอาจใช้เทคนิคการรักษาหลายวิธีร่วมกัน ได้ค่ะ
ทำไมเลเซอร์ เพียงอย่างเดียว จึงรักษาหลุมสิวไม่ได้
การรักษาหลุมสิวด้วยเลเซอร์ เพียงอย่างเดียวมักไม่สามารถแก้ปัญหาพังผืดใต้ผิวหนัง ที่เป็นสาเหตุหลักของหลุมสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเหตุผล 2 ประการดังนี้
พลังงานเลเซอร์ลงไปถึงแค่ชั้นหนังแท้ เนื่องจากพังผืดเหล่านี้เป็นเส้นใยคอลลาเจนที่ยึดผิวหนังไว้ ทำให้ผิวหนังยุบตัวลงและเกิดเป็นหลุมแต่กลุ่มของเลเซอร์ เช่น Fractional CO2, Er:YAG หรือกลุ่มคลื่นวิทยุ (Radio Frequency) ลงลึกแค่ชั้นหนังแท้ ยังไม่สามารถลงลึกถึงชั้นลึกที่พังผืดของหลุมสิวที่มีความรุนแรงดึงรั้งอยู่ได้จึงไม่สามารถตัดพังผืดได้
พลังงานเลเซอร์เป็นพลังงานแนวดิ่ง การรักษาหลุมสิวด้วยเลเซอร์หรือคลื่นวิทยุ พลังงานที่ส่งผ่านเป็นพลังงานที่ลงมาจากแนวดิ่ง ซึ่งเป็นการรักษาจากบนลงล่าง (Vertical Acne Scar Treatment) แต่การตัดพังผืดหลุมสิว ต้องกวาดตัดแนวราบ การรักษาด้วยเลเซอร์เพียงอย่างเดียวจึงไม่สามารถรักษาหลุมสิวได้
ข้อดีของการรักษาด้วยเลเซอร์
เป็นการทำให้เกิดการบาดเจ็บในชั้นผิวหนัง กระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่และจัดเรียงตัวใหม่ ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
ส่งผลให้แผลเป็นหลุมสิวตื้นขึ้นมาได้ โดยเฉพาะในเคสหลุมสิวแบบ Boxcar และ Rolling scars
มีตัวเลือกทั้งแบบเกิดแผลและไม่เกิดแผล ตามความต้องการของผู้รักษา
สามารถใช้ร่วมกับวิธีการรักษาอื่นได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
ข้อควรพิจารณา
ต้องทำหลายครั้งและ ต้องเว้นระยะห่างระหว่างการรักษาแต่ละครั้ง อย่างน้อย 4 สัปดาห์ขึ้นไป
อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น รอยแดง ผิวบาง หรือผิวไวต่อแสง
ไม่สามารถตัดพังผืดได้โดยตรง เนื่องจากพลังงานเลเซอร์ทำงานเป็นแนวดิ่ง
การรักษาหลุมสิวด้วย Subcision
ข้อดี
เหมาะกับหลุมสิวประเภท Rolling scars และ Boxcar scars ที่มีพังผืดดึงรั้งใต้ผิว
สามารถใช้ร่วมกับการรักษาอื่นๆ ได้ เช่น ฟิลเลอร์หรือเลเซอร์ เพื่อให้ผลลัพธ์ดีขึ้น
ข้อควรพิจารณา
ต้องตัดเลาะทีละหลุม และมีความจำเป็นต้องเปิดแผลเยอะ ตามจำนวนหลุม
อาจเกิดรอยช้ำ บวม หรือเลือดออกใต้ผิวหนัง หลังทำหัตถการ
หากแพทย์ไม่ชำนาญ มีโอกาสเกิดแผลเป็นนูน
อาจต้องทำซ้ำ ในบางกรณีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
อ้างอิงข้อมูล กรมการแพทย์ สถาบันโรคผิวหนัง แพทย์ผิวหนังแนะวิธีการรักษาแผลเป็นหลุมสิว https://www.dms.go.th/Content/Select_Landding_page?contentId=30946&fbclid=IwAR1P1f0FJdoVM
โปรแกรมศัลยกรรมหลุมสิวแบบหมอเห็นได้ FULL Step MASS Surgery
ความล้ำหน้าในการรักษาหลุมสิว ที่ต้องอาศัยทั้งเทคโนโลยีและประสบการณ์ของแพทย์เพื่อฟื้นฟูหลุมสิวให้เรียบเนียนใน 5 ขั้นตอน
ขั้นตอนที่ 1 เทคนิคสแกน โครงสร้างใบหน้า ( Facial Ultrasound )
เทคนิคลดความเสี่ยง เพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการรักษาหลุมสิว
ช่วยให้แพทย์สามารถเห็นโครงสร้างใต้ผิวหนัง เส้นเลือดอย่างละเอียด
ประเมินสภาพผิว และความลึกของหลุมสิว ได้
ช่วยในการรักษาหลุมสิวกำหนดจุดที่ต้องการรักษา ได้อย่างปลอดภัย
ลดความเสี่ยง ในการเกิดภาวะแทรกซ้อน ต่อเส้นเลือดและเนื้อเยื่อรอบข้าง
ขั้นตอนที่ 2 ขยาย ชั้นพังผืด 3 ชั้น
ขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยเตรียมผิวคนไข้ให้พร้อม ก่อนการตัดพังผืดด้วยโปรแกรมขยายชั้นพังผืด TF EXPANSION เป็นการขยายชั้นพังผืดที่ถูกดึงรั้งแน่น ให้คลายตัวออกจากกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในขั้นตอนการกวาดตัดพังผืดต่อไป
ขั้นตอนที่ 3 กวาดตัด ชั้นพังผืด 3 ชั้น
ขั้นตอนนี้จะใช้เครื่องมือ กวาดตัดพังผืดขนาดเล็กในการกวาดตัดพังผืด 3 ชั้น การเลือกใช้เครื่องมือในแต่ละจุดบนใบหน้าของคนไข้ รวมถึงจำนวนเครื่องมือที่ใช้ก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล เนื่องจากพังผืด Fibrous band จะมีความเหนียวมาก อาจต้องใช้เครื่องมือที่มีขนาดแตกต่างกันตามความรุนแรงในแต่ละพื้นที่บนใบหน้า นอกจากนี้ยังต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์เป็นอย่างมาก หากตัดผิดชั้นผิวของคนไข้อาจจะพังกว่าเดิมได้ หรือหากตัดโดนเส้นประสาทจะมีความเสี่ยงปากเบี้ยว ตาตกได้
ขั้นตอนที่ 4 สร้าง คอลลาเจน ค้ำยันใต้ผิว
ในขั้นตอนนี้แพทย์ จะทำการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนด้วย Sandwich technique เข้าไปในบริเวณที่กวาดตัดพังผืดเพื่อสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ค้ำยันใต้ผิว และช่วยลดโอกาสที่พังผืดจะเกิดขึ้นซ้ำ หลุมสิวจะฟูแน่น ผิวเฟิร์ม ในระยะยาว
ขั้นตอนที่ 5 ตกแต่ง ขอบหลุมสิวให้เรียบเนียน
เพิ่มความเรียบเนียน ให้หลุมสิวด้วยโปรแกรมตกแต่งขอบหลุมสิว Cross Solution ขั้นตอนนี้จะช่วย กระต้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวให้เรียบเนียนรวมถึงทำให้เกิดการเรี่ยงตัวใหม่ของคอลลาเจน ด้วยการนำตัวยาของทางคลินิก เพื่อกระตุ้นการเติบโตของผิวชั้นบน (Epidermal growth) โดยการลอกผิวชั้นบนที่ผิดปกติออกก่อน ทำให้ผิวหนังชั้นบนหนาขึ้นได้โดยไม่ทำลายชั้นผิวหนังที่มีชีวิต (Living epidermis) ซึ่งจะเกิดการสร้างผิวใหม่ทดแทนชั้นผิวเก่า ทำให้มีผลด้านความเรียบเนียนสวยงามของผิวร่วมกับการกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาการอักเสบในเนื้อเยื่อชั้นลึก ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการสร้าง collagen และ ground substance ในชั้นหนังแท้